TNN online จับตาคลังอาจเลื่อน แจก “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” หากจำเป็น

TNN ONLINE

Wealth

จับตาคลังอาจเลื่อน แจก “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” หากจำเป็น

จับตาคลังอาจเลื่อน แจก “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” หากจำเป็น

“จุลพันธ์”เผย รัฐบาลอาจเลื่อนกำหนดการแจกเงินดิจิทัลจาก 1 ก.พ.67 เหตุต้องใช้เวลาพัฒนาระบบเพื่อให้ปลอดภัยมากที่สุด

วันนี้ ( 19 ต.ค. 66 )นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดในวันที่ 1 ก.พ.นี้ สาเหตุสำคัญ คือ การพัฒนาระบบเพื่อรองรับการแจกเงิน อาจล่าช้า เนื่องจากต้องทำให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ และสามารถแจกเงินได้ทันภายในไตรมาสแรกของปีนี้


สำหรับเรื่องของแหล่งเงิน 5.48 แสนล้านบาท และเงื่อนไขในการแจกนั้น ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้ ดังนั้น ทางคณะอนุกรรมการจึงเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันอังคารที่ 24 ต.ค.นี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะรีบเสนอไปยังคณะกรรมการชุดใหญ่ทันที


ส่วนการพิจารณาในประเด็นเรื่องการกำหนดเงื่อนไขว่า จะแจกเงินแก่กลุ่มใด มีการมองในเรื่องการแจกเงินที่ควรเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มที่เปราะบาง และควรทยอยแจกเป็นระยะเวลา 10 เดือน เป็นต้น แต่รัฐบาลเห็นว่า ถ้าดำเนินตามเงื่อนไขดังกล่าว จะเป็นนโยบายในลักษณะนโยบายสังเคราะห์คล้ายกับบัตรสวัสดิการ ซึ่งจะแตกต่างจากนโยบายที่รัฐบาลเสนอ โดยหลักการของการเดินนโยบายนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม ดังนั้นในรายละเอียดเรื่องของนโยบายอาจต้องปรับให้เหมาะสม ส่วนข้อเสนอเรื่องการยกเว้นการแจกเงินคนรวยนั้น ยังไม่มีข้อสรุปว่า คนมีรายได้ระดับใด คือ คนรวย บางคนบอกว่า มีเงินเดือน 2 หมื่นบาทก็รวยแล้ว แต่สำหรับรัฐบาลมองว่า คนชั้นกลางก็ลำบากมานาน ที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักควรให้โอกาสแก่คนกลุ่มนี้ด้วย 


หลักของนโยบายนี้ คือ ต้องการให้เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจีดีพีของเรานั้นโตต่ำมาตลอด ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร จีดีพีก็จะต่ำกว่านั้น แต่หากเราเดินนโยบายนี้ เชื่อว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ใกล้ร้อยละ 5 


ส่วนรัศมีการใช้ ขณะนี้รัฐบาลยกเลิกเงื่อนไขการใช้จ่ายภายใน 4 กิโลเมตรแล้ว โดยการพิจารณาจะอยู่ในเขตตำบล อำเภอ และ จังหวัด เท่านั้น


นอกจากนี้รัฐบาลจะกำหนดให้มีการยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการนี้ ซึ่งจะเป็นไปตามข้อกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคนที่เคยยืนยันตัวตนในโครงการของรัฐบาลที่แล้ว 40 ล้านคน ไม่ต้องยืนยัน แต่ต้องมากดรับสิทธิ์ ส่วนคนที่ไม่เคยยืนยันตัวตน ก็ต้องมายืนยันตัวตน 


และไม่กังวลว่า โครงการนี้จะเหมือนกับโครงการจำนำข้าวในอดีต โดยเชื่อมั่นว่าระบบที่รัฐบาลกำลังพัฒนานี้ และระบบการติดตามการตรวจสอบการทุจริต จะไม่มีเหตุการณ์ทุจริตได้ แต่ถ้าหากมีการทุจริต รัฐบาลจะมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน


ภาพ : TNN 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง