"ธุรกิจรับสร้างบ้าน" เตรียมปรับราคาขึ้น หลังโตสวนกระแส
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน คาดปีนี้ตลาดรับสร้างบ้านยอดขายจะกลับมาที่ 12,000 ล้านบาท เท่ากับก่อนเกิดโควิด-19 พร้อมระบุการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หากปรับขึ้น 10-15% จะส่งผลต่อค่าก่อสร้างบ้านทั้งหลัง 5%
นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน หรือนายวรวุฒิ กาญจนกูล ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ตลาดรับสร้างบ้านมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูจากผลตอบรับการจัดงานรับสร้างบ้านเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3,600 ล้านบาท
โดยสูงสุดเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท และกลุ่มบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ จังหวัดใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดยังมีความต้องการปลูกบ้านราคา 2.5-3.5 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวจากการเปิดประเทศ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ส่วนสถานการณ์ตลาดครึ่งปีหลังยังไปได้ดี แม้จะมีปัจจัยลบเรื่องราคาวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าแรงขั้นต่ำ และเสถียรภาพทางการเมือง โดยคาดว่าปีนี้ตลาดรับสร้างบ้านจะมียอดขายกลับมาอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท เท่ากับต้นปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19
ซึ่งจากสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น ประมาณ 3-5% ในทุกเดือน ส่งผลต่อต้นทุนการสร้างบ้าน 10-15% ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านทุกเซ็กเมนต์ปรับราคาขึ้น 5-10% และมีแนวโน้มว่าครึ่งปีหลังนี้จะปรับราคาขึ้นอีกอย่างน้อย 2-3% เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่าง เช่น เงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงค่าแรงขั้นต่ำที่จะมีการปรับขึ้น 5-8% ในเดือนตุลาคมนี้ด้วย ซึ่งสมาคมได้ประเมินในเบื้องต้นว่า หากปรับขึ้น 10-15% จะส่งผลต่อค่าก่อสร้างบ้านทั้งหลัง 5% แต่หากอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 8% กระทบต่อการก่อสร้างบ้าน 3%
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง โดยทั้งระบบยังขาดประมาณ 40% เนื่องจากแรงงานทั้งคนไทยและต่างชาติที่กลับประเทศหรือบ้านไปช่วงโควิด และยังไม่กลับเข้ามาในระบบ ซึ่งปัจจุบันกลับมาประมาณ 60% แต่คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นหลังรัฐบาลเปิดให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN