“มอร์แกน สแตนเลย์” คาด เอเชียผ่านจุดสูงสุดเงินเฟ้อมาแล้ว
จากการคาดการณ์ของ “มอร์แกน สแตนเลย์” เผยว่า เงินเฟ้อเอเชียผ่านพ้นจุดสูงสุดมาแล้ว อาจไม่ต้องขึ้นดอกเบี้ยแรง เทียบกับเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ
“เชตัน อาห์ยา” นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนเลย์ ได้ออกมาเปิดเผยกับ CNBC ว่า เมื่อดูจากข้อมูลต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงขาลงจากเงินเฟ้อ เทียบกับเขตเศรษฐกิจหลักอื่นๆ อาทิ สหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เห็นว่า เงินเฟ้อของเอเชียผ่านพ้นจุดสูงสุดมาแล้ว
โดยเงินเฟ้อในเอเชียแตะระดับสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5.5 และลดลงราวร้อยละ 0.5 ถ้าเทียบกับสหรัฐฯ ที่เงินเฟ้ออยู่แถวร้อยละ 9 และยุโรปที่อยู่แถวร้อยละ 8.5-9
นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนเลย์ ยังระบุอีกด้วยว่า มีสัญญาณเพียงเล็กน้อยที่สะท้อนถึงความต้องการบริโภคในเอเชียร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนวิกฤตโควิด-19
ในขณะนี้ เขตเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในเอเชียอยู่ในช่วงกลางของวัฏจักรการฟื้นตัว ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม และธนาคารกลางไม่จำเป็นต้องใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เข้มงวด
นอกจากนี้ ยังหยิบยกกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 0.75 พร้อมส่งสัญญาณว่าไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนวิกฤตโควิด
ส่วนด้านความต้องการบริโภค เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งขณะนี้ห่วงโซ่อุปทานเริ่มดีขึ้นและสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ความต้องการบริโภคน่าจะชะลอตัว ประกอบกับตลาดแรงงานในเอเชียที่ไม่ตึงตัวเท่ากับสหรัฐฯ ทำให้ภูมิภาคเอเชียรับมือกับแรงกดดันเงินเฟ้อได้ดีกว่า
แต่ก็ต้องระวังแนวโน้มการส่งออกในภูมิภาคเอเชียที่ชะลอตัว โดยปริมาณและมูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 1-3 เมื่อเทียบรายปี ในขณะที่เคยขยายตัวแตะร้อยละ 10 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และแนวโน้มการส่งออกของเอเชียก็ยังไม่ดีเท่าไรนัก
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN