ร้านอาหารพร้อมปรับราคา หากค่าจ้างดันต้นทุนเพิ่ม
นายกสมาคมภัตตาคารไทย ระบุ การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานในรอบ 2 ปีที่ 5-8% จะส่งผลต่อต้นทุนผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายย่อยและSME แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารพร้อมปรับตัว
นายกสมาคมภัตตาคารไทย หรือนางฐนิวรรณ กุลมงคล เผยว่า ครึ่งปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการร้านอาหารได้มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับเรื่องต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ รวมถึงค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บางร้านต้องปรับขึ้นราคา เพื่อสร้างยอดขายและกำไร และล่าสุดกระแสข่าวการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่มีสัญญาณมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากมีการปรับขึ้นจริง คาดว่าที่จะกระทบหนักสุดน่าจะเป็นกรณีของผู้ประกอบการกลุ่มโรงงานหรือภาคการผลิต
ในด้านของธุรกิจร้านอาหารเป็นภาคบริการ ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายต่อหัวในการจ้างแรงงานหรือลูกจ้างปกติก็จะสูงกว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำอยู่แล้ว หากมีการปรับขึ้นอีก 5-8% ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน คนที่จะได้ประโยชน์คือแรงงานต่างด้าว
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะรายเล็กและรายกลาง ๆ ต้องรอดูว่าจะกระทบต่อต้นทุนมากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันบางร้านใช้พนักงานจำนวนไม่มาก ถ้าเทียบกับก่อนโควิด ทำให้ต้นทุนแรงงานไม่ได้สูงมาก
ทั้งนี้มั้งนั้นเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการร้านอาหารก็ต้องเหนื่อยมากขึ้น ที่จะต้องบริหารจัดการลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อทดแทนกัน ซึ่งคนที่จะได้รับผลกระทบหนักคือผู้บริโภค ถ้าร้านอาหารต้นทุนสูงขึ้น ก็ต้องไปขยับขึ้นราคาอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยที่ผ่านมา สมาคมได้ขอให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือ ทั้งการลดภาษี ลดค่าไฟ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระจนเกินไป ซึ่งภาครัฐเองก็ช่วยได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN