เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 เทียบนโยบายเศรษฐกิจ “ทรัมป์-แฮร์ริส”

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นเวทีหาเสียงพร้อมกับเหล่าคนดังต่าง ๆ รวมถึงภรรยาคู่ใจที่อาคารกีฬาอเนกประสงค์ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน ในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น และแน่นอนว่านโยบายเศรษฐกิจยังถือเป็นสิ่งที่ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ 

ทรัมป์ ประกาศชัดเจนเรื่องที่เขาต้องการขยายมาตรการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมรดกทั้งหมดที่กฎหมายฉบับปี 2017 ได้กำหนดไว้ ได้แก่ การเพิ่มลดหย่อนมาตรฐานที่จะช่วยลดจำนวนรายได้ที่ต้องเสียภาษี และการทำให้อัตราภาษีเงินได้สำหรับกลุ่มรายได้ส่วนใหญ่ลดน้อยลง รวมถึงการเพิ่มการยกเว้นภาษีมรดก และเสนอที่จะยกเลิกเพดานที่จำกัดการหักลดหย่อนภาษีของภาษีรัฐและภาษีท้องถิ่น 

ซึ่งตามพระราชบัญญัติลดหย่อนภาษีและการจ้างงานของสหรัฐฯ (TCJA) ก็จำกัดไว้ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3 แสน 4 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามข้อจำกัดดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2025 อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังได้เรียกร้องให้ลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงเหลือร้อยละ 15 สำหรับบริษัทบางแห่ง และเรียกร้องให้ TCJA ลดอัตราภาษีนิติบุคคลสูงสุดที่เคยอยู่ที่ร้อยละ 35 ให้เป็นร้อยละ 21 อย่างถาวร

ส่วนนโยบายที่ทรัมป์ยกมาชูระหว่างหาเสียงก็คือ การยกเว้นภาษีของรัฐบาลกลางสำหรับเงินทิป หรือ เงินพิเศษสำหรับการให้บริการ และเงินสวัสดิการประกันสังคม รวมถึงค่าจ้างล่วงเวลา แต่ก็จะมีผลเสียตามมาก็คือ พนักงานในกลุ่มนี้จะได้รับเงินสวัสดิการจากประกันสังคมลดลงหลังเกษียณ

ส่วนด้านคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสวิงสเตต เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) 

ขณะที่นโยบายด้านเศรษฐกิจของแฮร์ริสนั้น เธอยืนยันว่าจะดำเนินตามสัญญาเดิมที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เคยให้คำมั่นไว้ว่า จะไม่ขึ้นภาษีแก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 13 ล้าน 5 แสนบาทต่อปี หรือก็คือเธอสนับสนุนให้มีการขยายมาตรการลดภาษีบางส่วนสำหรับบุคคลธรรมดา แต่เธอจะผลักดันให้สภาคองเกรสยกเลิกการลดภาษีสำหรับกลุ่มคนรวยในสหรัฐฯ 

แฮร์ริส ยังเสนอให้ขึ้นภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้สูง อาทิ การเพิ่มอัตราภาษีกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ระยะยาวเป็นร้อยละ 28 จากเดิมที่อยู่ที่ร้อยละ 20 เฉพาะผู้ที่มีรายได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 34 ล้านบาทขึ้นไป และเธอยังเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีขั้นต่ำสำหรับมหาเศรษฐี หรือผู้ที่มีทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นปริมาณผู้เสียภาษีไม่ถึงร้อยละ 1

ส่วนเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจก็คือ เรื่องเกี่ยวกับภาษีจากทิป ที่ทรัมป์ให้สัญญาว่าจะยกเลิก โดยแฮร์ริส ก็ได้ให้คำมั่นว่า จะยกเลิกภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางที่ได้จากทิปสำหรับในบางพื้นที่ เพื่อดึงดูดแรงงานในภาคการให้บริการที่อยู่ในรัฐสำคัญ ๆ เช่น รัฐเนวาดา

อย่างไรก็ตาม แผนของแฮร์ริส จะยังคงจัดให้ค่าทิปอยู่ภายใต้ภาษีเงินเดือน เนื่องจากเธอมองว่า การยกเลิกภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางสำหรับค่าทิปนั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่แรงงานส่วนใหญ่ เนื่องจากพวกเขามีรายได้ไม่มากพอที่จะต้องเสียภาษีตามข้อมูลการสำรวจจากศูนย์วิจัยนโยบายที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเยล  และทีมหาเสียงของเธอยังระบุด้วยว่า แฮร์ริสจะทำงานร่วมกับสภาคองเกรสในข้อเสนอที่จะมีการกำหนดขีดจำกัดของรายได้ และมาตรการป้องกันการฉ้อโกง

ภาพจาก AFP