Russia-Ukraine War: ตรวจพบกัมมันตภาพรังสีเพิ่ม 20 เท่าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ร้าง “เชอร์โนบิล”
Russia-Ukraine War: ตรวจพบกัมมันตภาพรังสีเพิ่มขึ้น 20 เท่าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ร้าง “เชอร์โนบิล” หลังถูกทหารรัสเซียบุกยึด หวั่นความปลอดภัยของเตาปฏิกิรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 15 เตาในยูเครน อาจได้รับผลกระทบจากการบุกของรัสเซีย
สถานีตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีในยูเครน ตรวจพบระดับกัมมันตภาพรังสีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ร้าง “เชอร์โนบิล” ในยูเครน เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่าในวันพฤหัสบดี (24 กุมภาพันธ์) หลังถูกทหารรัสเซียบุกยึดได้ในวันเดียวกัน วันแรกที่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลแม้จะร้างไปแล้ว หลังเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์รั่วครั้งใหญ่สุดในโลกเมื่อกว่า 30 ปีก่อน แต่แกนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่หลอมละลาย ยังคงถูกฝังอยู่ใต้ชั้นคอนกรีตหนา และบริเวณโรงไฟฟ้ายังคงกักเก็บกากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้กัมมันตภาพรังสีรั่วออกไปภายนอก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่จะเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่เชอร์โนบิลครั้งใหม่เหมือนในอดีตนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ในขณะเดียวกัน เกิดความหวั่นวิตกถึงความปลอดภัยของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 15 เตาในยูเครน ในช่วงที่ทหารรัสเซียยังบุกยูเครนอยู่
แม้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่ทหารรัสเซียจะโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครนโดยตรง แต่หากสงครามในยูเครนขยายตัวเพิ่มขึ้น อาจกระทบให้มาตรการความปลอดภัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดการย่อหย่อนได้ อาจส่งผลให้เกิดการหลอมละลายของแกนเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ได้
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 15 เตา อยู่ในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ทั้งหมด 4 แห่งทั่วยูเครน มีมาตรการป้องกันภัยหลายชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้แกนเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หลอมละลาย แต่ถ้าหากสงครามในยูเครนขยายตัวเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นที่มาตรการความปลอดภัยหลายชั้นนี้ อาจถูกทำลายลงในคราวเดียวก็เป็นได้
Credit: Unsplash
เกาะติดสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ได้ที่นี่