"เจนนี่ รัชนก" แจงดราม่า เงื่อนไขต่อสัญญาศิลปินในสังกัด ถ้ายอดวิวไม่ถึง 10 ล้าน ต้องขายครีมเพื่อต่อสัญญา?

"เจนนี่ รัชนก" แจงดราม่า เงื่อนไขต่อสัญญาศิลปินในสังกัด ถ้ายอดวิวไม่ถึง 10 ล้าน ต้องขายครีมเพื่อต่อสัญญา เจ้าตัวลั่น "เพราะทุกอย่างต้องใช้เงิน การเลี้ยงดูน้องๆ จำเป็นต้องมีค่ากิน ค่าใช้ มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนทำเพลง ทำ MV และค่าอื่นๆอีกมากมาย"

กลายเป็นดราม่า สำหรับนักร้องสาวมากความสามารถและเจ้าของค่ายเพลง "ได้หมดถ้าสดชื่น" อย่าง "เจนนี่ รัชนก" ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ออกมาประกาศว่ากำลังจะมีบทบาทใหม่ คือการเป็นเจ้าของแบรนด์ และทำค่ายเพลงควบคู่กันไป

เจนนี่ รัชนก แจงดราม่า เงื่อนไขต่อสัญญาศิลปินในสังกัด ถ้ายอดวิวไม่ถึง 10 ล้าน ต้องขายครีมเพื่อต่อสัญญา?

ภาพจาก Facebook น้องเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น

โดยดราม่าเกิดขึ้น หลัง "เจนนี่ รัชนก" ได้โพสต์คลิปสรุปการประชุมค่าย เผยถึงเงื่อนไขการต่อสัญญาศิลปินชายในค่าย โดยพูดว่า "สำหรับใครที่ไม่ได้ดูไลฟ์ในติ๊กต็อก ขอสรุปการประชุมของศิลปินชายในค่าย คือจะมีน้อง 8 คน และจะมีอีก 5 คนที่หมดสัญญา เดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเจนนี่จะทำเพลงใหม่ รวมกัน 8 คน ลงทุน 1 ล้านบาท เพื่อให้โอกาสน้องๆ อีกครั้ง ถ้ายอดวิวภายใน 2 เดือน ก่อนสัญญาจะหมดถึง 10 ล้านวิว จะต่อสัญญาทันที 1 ปี และอีกหนึ่งช่องทาง ถ้ายอดวิวมันยากมาก ตอนนี้เจนนี่เปิดตัวแบรนด์ของตัวเอง อันนี้เป็นโบนัสพิเศษ ถ้าน้องๆ ขายได้ 10,000 หลอด ช่วยกันขายภายใน 2 เดือน ต่อสัญญา 3 เดือน 20,000 หลอด ต่อ 6 เดือน 100,000 หลอด ต่อ 1 ปี และจะให้น้องๆ ออเดอร์ละ 50 บาท โดยที่น้องๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย"

ภาพจาก Facebook น้องเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น

หลังจากได้โพสต์คลิปดังกล่าวไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น "สัญญาเหมือนทำนาบนหลังคนรึป่าว ยอดวิวจะดี ไม่ดี มันอยู่กับคนแต่งเพลง ว่าจะติดหูคนฟังรึป่าว เค้าขายเสียง จะให้เค้ามาขายครีมด้วย ตรรกะ อะไร" ซึ่ง "เจนนี่" ได้เข้าไปตอบกลับชาวเน็ตคนดังกล่าวว่า "สัญญาหมด เดือนพฤษภาคมนี้ค่ะ นี่เป็นเพียงข้อเสนอโบนัสเพื่อผลักดันน้องๆให้ตั้งใจทำผลงาน ใช้เงินทุนของเจนนี่เอง 1 ล้านบาท 100% ถ้าเพลงดังใครอยากต่อสัญญาเราให้ต่อ ใครไม่ต่อไม่บังคับ ส่วนเรื่องการขายของไม่บังคับค่ะเพราะของขายดีอยู่แล้ว ข้อเสนอนี้น้องๆไม่ต้องลงทุนบาทเดียว แต่ต้องการกระตุ้นให้น้องมีรายได้ และรู้จักขายออนไลน์เป็นในยามที่ไม่มีงานร้องเพลง ศิลปินทุกวันนี้ จะแค่ร้องเพลงอย่างเดียวรายได้คงไม่เพียงพอค่ะ อยากมีมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราทำมากน้อยแค่ไหน ค่ะ ขอเสริมอีกนิด ทุกวันนี้มีเพลงดีๆมากมายที่ทำออกมาแล้วไม่ดัง เพราะทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่ายูทูบไม่เหมือนเดิม ทำค่ายเพลงซีซั่นนี้สำหรับเจนนี่ไม่ต้องการกำไรเลย หวังแค่ให้มีเงินทุนหมุนเวียนบ้างก็พอค่ะ อีกอย่างนะคะถ้าอยู่มา 1 ปีแล้วไม่มีเพลงดัง หรือไม่ดีขึ้น น้องๆเองก็ควรได้รับอิสระ เพื่อที่จะได้รับโอกาสดีๆจากค่ายอื่น หรือไม่น้องๆก็จะมีอิสระในการรับงานต่างๆค่ะ "

อีกทั้งยังมีชาวเน็ตบางส่วน เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจเธอ โดยบอกว่า "ทุกข้อเสนอมีแต่ดีๆทั้งนั้น สู้ๆนะคะ น้องเจนนี่","ดีนะ เด็กจะได้มีงานทำ","ให้รอแต่งานคอนเสิร์ตไม่ได้หรอก คนเราก็ต้องหารายได้จากการขายของออนไลน์" และคอมเมนต์อีกมากมาย

ภาพจาก Facebook น้องเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น

ด้าน "เจนนี่ รัชนก" ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก โดยบอกว่า "ทำไมทำค่ายเพลงแล้วทำไมยังหันมาทำแบรนด์ขายของออนไลน์ ‼️ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงิน การเลี้ยงดูน้องๆ จำเป็นต้องมีค่ากิน ค่าใช้ มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนทำเพลง ทำ MV และค่าอื่นๆอีกมากมาย ทำค่ายเพลงซีซั่นนี้ บอกทุกคนเสมอว่าไม่ต้องการกำไรเลย ขอแค่มีเงินมาหมุนทุนบ้างก็พอ ปีนี้ยอมรับ เจ็บหนัก เพลงของค่ายทุกเพลงยอดวิวน้อยมาก ซึ่งแน่นอนการทำผลงานจะให้ดังเหมือนเมื่อก่อนมันไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้น เจนนี่ต้องหาเงินจำนวนมากเพื่อมาซัพพอร์ตน้องๆ ให้เค้าได้มีผลงาน มีประสบการณ์เพื่อนำไปใช้ในยามที่เค้าหมดสัญญา และอย่าลืมว่ามากกว่าศิลปินในค่าย เจนนี่ยังมีลูกมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู เพราะฉะนั้นเจนนี่จะมารอแค่งานคอนเสริตงานร้องเพลงไม่ได้ โลกเปลี่ยนไปแล้ว การขายออนไลน์เป็นอีก 1 ทางเลือกที่เราสามารถทำได้ ไม่ใช่แค่เจนนี่ น้องๆเองก็เช่นกัน วันนึงไม่มีงานร้องเพลง เราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด ไม่ทำอาชีพเสริมอย่างใดก็อย่างนึง อย่าลืมว่าการจะดัง จะมีงานไม่ใช่เรื่องง่าย ระยะเวลา 1 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าเทียบกับศิลปินรุ่นพี่ยุคก่อนๆค่ะ และเจนนี่ต้องขอขอบคุณกระแสตอบรับที่ของสินค้าเจนนี่ เปิดตัววันแรกของติดจองหมดเกลี้ยง ซึ่งกำไรก้อนแรกที่เจนนี่ได้จากการขายของในครั้งนี้ จะมาสร้างผลงานให้น้องศิลปินชายของค่ายในโปรเจ็ค 8 หนุ่ม ได้หมดถ้าสดชื่นค่ะ สู้กันอีกตั้งก่อนหมดสัญญา เจ้าภาพท่านไหนสนใจติดต่องาน น้องๆ 10 คิวแรก เราไปแสดงฟรี เจนนี่ออกค่าใช้จ่ายให้เองทั้งหมดค่ะ ขอบคุณค่ะ"