แบน 10 ปีแต่ยังไม่เรียกคืนรางวัล!! กรณี ‘วิล สมิธ’ ตบ ‘คริส ร็อก’ บนเวที 'ออสการ์'
สถาบันออสการ์ตัดสินแบน “วิล สมิธ” ห้ามเข้าร่วมงานประกาศรางวัลออสการ์ 10 ปี จากกรณีขึ้นเวทีไปตบ “คริส ร็อก” ที่พูดล้อทรงผมอันเกิดจากภาวะผมร่วงของภรรยา!!
สถาบันแห่งศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ หรืออคาเดมี่ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ ตัดสินแบน “วิล สมิธ” (Will Smith) นักแสดง, แร็ปเปอร์และผู้สร้างภาพยนตร์ วัย 53 ปี ไม่ให้เข้าร่วมงานประกาศรางวัลออสการ์ รวมถึงอีเวนต์กิจกรรมอื่นๆ ของสถาบันออสการ์ เป็นเวลา 10 ปี จากกรณีก่อเหตุตบหน้า “คริส ร็อก” (Chris Rock) พิธีกรและดาราตลกผิวดำ บนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ปีนี้ เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 28 มีนาคมตามเวลาในไทย อย่างไรก็ตามในแถลงบทลงโทษนี้ไม่ได้มีการระบุว่า ในช่วงเวลา 10 ปีนี้ “วิล สมิธ” จะสามารถมีชื่อผ่านเข้าชิงรางวัลได้อีกหรือไม่ รวมทั้งจะมีการดำเนินการริบรางวัลออสการ์ที่ “วิล สมิธ” ได้รับไปในปีนี้คืนหรือไม่ด้วย แต่จากโทษแบนนี้จะทำให้ "วิล สมิธ" ไม่ได้เป็นผู้ประกาศรางวัลหลักของปีถัดไปตามประเพณี ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คว้ารางวัลนักแสดงนำชายปีนี้จะเป็นผู้ประกาศรางวัลนักแสดงนำหญิงของเวทีออสการ์ปีถัดไป
ทั้งนี้ สถาบันออสการ์ให้เหตุผลในการตัดสินแบน “วิล สมิธ” ห้ามเข้าร่วมงานเป็นเวลา 10 ปีว่าเพราะงานประกาศรางวัลออสการ์สมควรเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จของคนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศดังกล่าวที่สมควรจะเกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์การจัดงานต้องเสียไปอย่างไม่อาจเรียกคืนได้ ขณะเดียวกันในแถลงนี้ทางสถาบันออสการ์ขอขอบคุณ "คริส ร็อก" อย่างสูง ที่ยังทำหน้าที่ประกาศรางวัลของตัวเองได้ต่อไปท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
ภาพจาก: AP
ในแถลงเดียวกันนี้ สถาบันออสการ์ขออภัยที่รับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่ทันท่วงที และยังคงปล่อยให้ “วิล สมิธ” อยู่ในงานและขึ้นรับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายจากบทบาทในผลงานภาพยนตร์เรื่อง King Richard พร้อมระบุว่าเป็นการเตรียมตัวรับมือที่ไม่ดีพอของทางสถาบันเอง โดยเดิมนั้นทางสถาบันมีแถลงไม่กี่วันหลังเกิดเรื่องว่าได้มีการเชิญ “วิล สมิธ” ออกจากบริเวณงานแล้วหลังเกิดเหตุแต่เจ้าตัวปฏิเสธ แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นการแจ้ง “วิล สมิธ” ในรูปแบบไหนอย่างไร และมีรายงานข่าวออกมาด้วยว่า ทาง “วิล สมิธ” ไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการให้ออกจากบริเวณงานหลังเกิดเหตุด้วย รวมถึงหนังสือพิมพ์ The Los Angeles Times รายงานว่าเป็น “วิล แพคเกอร์” (Will Packer) ซึ่งรับหน้าที่โปรดิวเซอร์งานออสการ์ปีนี้ที่บอกกับ “วิล สมิธ” ว่าต้องการให้เขาอยู่ในงานต่อ
การตัดสินนี้มีขึ้นไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ โดยฝ่ายผู้จัดออสการ์เลื่อนมาตัดสินได้เร็วขึ้นจากกำหนดเดิมจะลงมติกันในวันที่ 18 เมษายน เนื่องจาก “วิล สมิธ” ได้ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกสถาบันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตัว “วิล สมิธ” ย้ำในแถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกของสถาบันออสการ์ว่าเขาพร้อมยอมรับบทลงโทษและคำตัดสินของทางสถาบันทุกประการ