จับสัญญาณหลังการประชุมเฟด นัยต่อราคาทองคำ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง
จับสัญญาณหลังการประชุมเฟด นัยต่อราคาทองคำ วิเคราะห์โดยธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
GOLD BULLISH & GOLD BEARISH
GOLD BULLISH
- การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ
ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น
ธนาคารกลางซื้อทองคำในทุนสำรองเพิ่มขึ้น
GOLD BEARISHธนาคารกลางสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างชัดเจน
การกระจายวัคซีนโควิด-19
ธนาคารกลางสหรัฐเน้นย้ำไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์ก่อน ผลการประชุมมีมติตรึงนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป ทั้งคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% และซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน ตรงนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ที่ตลาดให้ความสนใจอยู่ที่การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงว่าเฟดยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและราคาทองคำปรับขึ้นทะลุ 1,800 ดอลลาร์ขึ้นมาได้ตอบรับหลังการประชุม และปรับขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเนื้อหาของการแถลงครั้งนี้ขอแยกเป็นประเด็น ดังนี้
ตลาดแรงงานสหรัฐ ดูเหมือนว่าประธานเฟดยังเป็นห่วงเพราะบอกว่าห่างไกลจากการไปถึงเป้าหมายของการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ประธานเฟดมองว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะค่อยๆปรับตัวลงสู่ระดับปกติ เนื่องจากสหรัฐเผชิญกับภาวะติดขัดด้านอุปทาน
การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ประธานเฟดไม่ได้แสดงความกังวลมากนักเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยกล่าวว่าผลกระทบในขณะนี้มีน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว คิดว่าประชาชนเองก็อยากจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และคาดหวังว่าเราจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่ปกติอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป ผมมองว่าสหรัฐมีการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้างและคงไม่ได้ต้องกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์จนกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
คาดราคาทองคำยังทรงตัวในระดับที่สูง แต่จะผันผวนตามการจ้างงานสหรัฐ
หลังจากผ่านพ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปแล้ว ช่วงนี้นักลงทุนคงสบายใจว่าเฟดจะไม่ได้เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้มองว่าราคาทองคำยังทรงตัวในระดับที่สูงได้ โดยมีแนวรับทีสำคัญ 1,790 ดอลลาร์ ถึงแม้ว่าจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง สัปดาห์นี้ประเด็นหลักที่ต้องติดตามคือการจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ค. ตัวเลขการจ้างงานแยกดูเป็น 3 ประเด็น คือ
1) การจ้างงานสหรัฐที่ประกาศออกมาจริงจะแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มากน้อยแค่ไหน ถ้าออกมาดีกว่าตลาดคาด ราคาทองคำจะปรับลดลง แต่ถ้าออกมาแย่กว่าตลาดคาด ราคาทองคำจะปรับขึ้น ซึ่งตลาดมีการคาดการณ์ว่าการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 645,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 895,000 ตำแหน่ง ตามลำดับ
2) ปกติสหรัฐจะประกาศตัวเลขการจ้างงาน 2 ตัว มีการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรหรือ Nonfarm payrolls ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องออกมาสอดคล้องกัน หมายถึงถ้าตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ADP ออกมาดี Nonfarm payrolls ก็ไม่จำเป็นต้องออมาดีตามไปด้วย
3) ตัวเลขการจ้างงานมองว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เมื่อการจ้างงานเพิ่มขึ้นกลับไปสู่ระดับปกติก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดหรือเดือนก.พ.ปีที่แล้วได้ ซึ่งในปัจจุบันการจ้างงานของสหรัฐยังอยู่ระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดถึงราว 6.7 ล้านตำแหน่ง
ที่มา : U.S. Bureau of Labor Statistics, กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
สัปดาห์นี้แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,790-1,833 ดอลลาร์ ประเด็นที่คาดจะกระทบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ค. การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดุลการค้าเดือนมิ.ย. โดยทองคำมีแนวรับที่ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,820 ดอลลาร์ และ 1,833 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 28,000 บาท และ 27,850 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,450 บาท และ 28,550 บาท