ถึงเวลา ราคาทองคำ กลับมาสู่ช่วงขาขึ้นแล้วหรือยัง ??
เช็กสถิติ ราคาทองคำ ต้นปี 2564 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมารุนแรงอีกระลอก นอกจากจะดันราคาทองในประเทศแล้ว มาติดตามกันว่าตลาดทองเข้าสู่ช่วงขาขึ้นของปีนี้แล้วหรือยัง??
ช่วงเกือบๆจะปลายปีที่ผ่านมาหลายคนน่าจะพอจำได้ว่า ราคาทองคำ ในบ้านเราเรียกได้ว่าพุ่งขึ้นเกินคาดเดาเลยทีเดียว แต่พอมาช่วงท้ายปีจนถึงช่วงต้นๆปีราคาทองก็ค่อยๆขยับลงมา ซึ่งนักวิเคราะห์หรือผู้ค้าทองคำต่างๆบอกว่าเป็นช่วงปกติที่ราคาทองจะปรับฐาน แต่ราคาก็ยังคงสูงหรืออีกนัยหนึ่งก็คือราคายังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักๆที่มีผลหรือเป็นตัวกำหนดราคาทองนั้นมาจาก 4 ตัวแปรสำคัญ ได้แก่
- ราคาทองต่างประเทศ (Gold spot)
- อัตราค่า Premium ( ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการนำเข้า/ส่งออกทองคำ )
- ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
- Demand และ Supply ของทองคำภายในประเทศ
ขณะที่ปัจจัยที่เพิ่มเข้ามามีผลต่อ ราคาทองคำ ช่วงที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทั่วโลก ที่ทำให้เกิดความกังวล โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์รุนแรง ทำให้นักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น จึงกระตุ้นให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำช่วงนี้ก็คือ ความคืบหน้าการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ฮันส์ คลูจ ผู้อํานวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจําภูมิภาคยุโรป เปิดเผยวานนี้ว่า ขณะนี้ชาวยุโรปที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิต-19 มีจํานวน มากกว่าประชากรที่ได้รับการยืนยันผลตรวจว่าติดโรคโควิต-19 แล้ว "ปัจจุบัน ยุโรปมีผู้ป่วยโรคโควิต-19 ที่ยืนยันผลแล้วอยู่ที่ 5.59% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ ประชากร 79% ได้รับวัคซีนครบโตสแล้ว” นายคลูจ ระบุในคําแถลงว่า ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนในยุโรปแล้ว 215 ล้านโตส และราว 16% ของ ประชากรในประเทศสมาชิกของ WHO ประจําภูมิภาคยุโรปได้รับวัคซีนโตสแรกแล้ว ปัจจุบันประเทศสมาชิกของ WHO ประจําภูมิภาคยุโรป มีผู้ป่วยโรคโควิต-19 สะสม 51,506,373 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 1,076,173 ราย แนวโน้มยอดฉีดวัคซีนโควิตในยุโรปที่แซงยอดผู้ติดเชื้อ ส่งผลหนุนค่าเงินยูโร กดดันดัชนี ดอลลาร์ และหนุน ราคาทองคํา แต่ในขณะเดียวกันปัจจัยดังกล่าวได้หนุนแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกจากความหวังการฟื้นเศรษฐกิจ รวมถึง ได้แรงหนุนจากผลประกอบการแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปจึงมั่นทอนแรงซื้อทองคําเช่นกัน แนะนําเก็งกําไรระยะสั้น ทยอยขายหากราคาไม่ สามารถทะลุแนวต้านต้านบนโซน 1,783-1,797 ตอลลาร์ต่อออนซ์ และปีตสถานะขายหากราคายืนเหนือโซน 1,755-1,741 ตอลลาร์ต่อออนซ์
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง บอกว่า ภาพรวมตลาดทองคำเริ่มเห็นการปรับราคาขึ้นที่ร้อนแรงกว่าช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศสามารถ ยืนเหนือบริเวณ 27,000 บาทต่อบาททองคำได้แล้ว ทำให้ประเมินว่า ราคาทองจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง สาเหตุหลักๆ ก็มาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) ของสหรัฐอเมริกา ได้ปรับระดับสูงขึ้นมามากแล้ว ประกอบกับเกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ตลาด ตอบรับความเสี่ยงผ่านการเข้าซื้อทองคำมากขึ้น จึงเห็นราคาทองคำทยอยปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนโอกาสจะเห็นการปรับราคาขึ้นสูงๆ เหมือนช่วงปี 2563 ที่แตะระดับ 30,400 บาท หรือไม่นั้น ขณะนี้มองว่ายังไม่มีโอกาสได้เห็น
เบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชชั่นแนล จำกัด (YLG) มองว่า ภาพระยะยาวของ ราคาทองคำ ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่วนภาพในระยะกลางประมาณ 6 เดือน เป็นลักษณะของการแกว่งตัวลง แต่สำหรับภาพระยะสั้น เราได้เห็นราคาทองคำกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้ง สะท้อนจากราคาที่ขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800-1,816 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยังทะลุไปไม่ได้ อาจเห็นการย่อตัวกลับลงไป ซึ่งการฟื้นตัวของราคาทองคำในรอบนี้ได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เงินเยนของญี่ปุ่น หรือเงินฟรังก์ของสวิตเซอร์แลนด์
เหตุผลก็มาจากความกังวลในเรื่องความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งทางสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรรัสเซียในด้านต่างๆ เช่น การขึ้นแบล็กลิสต์ การคว่ำบาตรบริษัทรัสเซียกว่า 30 แห่ง การออกกฎไม่ให้ธนาคารสหรัฐฯ ซื้อขายพันธบัตรรัสเซีย รวมถึงการขับนักการทูตของรัสเซียออกไป ขณะที่ทางรัสเซียก็เริ่มมีการเติบโตในแนวทางคล้ายกัน ขณะที่ วลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนว่า หากมีการล้ำเส้น รัสเซียจะดำเนินการตอบโต้อย่างรุนแรง นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็ยังคงไม่ได้หมดไปเช่นกัน
ด้าน ราคาทองคำ ในบ้านเราเมื่อย้อนกลับไปดูสถิติ ราคาทองคำ 3 เดือนแรกของปี 2564 คือ ม.ค.-มี.ค. 2564 พบว่า ราคายังมีการปรับลงและผันผวน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ ราคาทอง กำลังปรับฐาน ต่อเนื่องมาจากช่วงปลายปี 2563 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วราคาทองเดือนม.ค. ปรับลดลง 650 บาท ,เดือนก.พ. ปรับลง 1,100 บาท และเดือนมี.ค.ปรับลงเพียง 100 บาท ส่วนเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าราคาทองปรับสูงขึ้น ด้วยปัจจัยหนุนหลายอย่าง โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมารุนแรงอีกระลอก รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้น เป็นต้น ซึ่งมีผลต่อราคาทองในประเทศเช่นกัน
สถิติราคาทองคำในประเทศเดือน ม.ค.-เม.ย.2564
เดือน | มกราคม | กุมภาพันธ์ | มีนาคม | เมษายน |
ราคาทองคำเฉลี่ย(บาท) | - 650 | -1,100 | -100 | +1,150 |
ช่วงราคา (บาท/บาททองคำ) | ต่ำสุด 26,050 สูงสุด 27,650 | ต่ำสุด 25,100 สูงสุด 26,450 | ต่ำสุด 24,450 สูงสุด 25,600 | ต่ำสุด 25,300 สูงสุด 26,600 |
ที่มา : ทองคำราคา.com อ้างอิงจากการประกาศราคาทองคำจากสมาคมค้าทองคำ
YLG ประเมินว่าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในระยะถัดไปคือ ‘เงินเฟ้อ’ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว จากตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ เช่น ดัชนี CPI โดยช่วงต่อจากนี้ตลาดยังคงจับตาดูว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเพียงชั่วคราวหรือไม่ หากเริ่มเห็นเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้ 3% และไม่มีมาตรการใดๆ ของธนาคารสหรัฐฯ ออกมาเพิ่มเติม อาจเห็นเงินลงทุนไหลเข้าทองคำมากขึ้น
โดยสรุปแล้ว ทองคำ นับเป็นสินทรัพย์สากลที่มีความมั่นคง ความเสี่ยงค่อนข้างน้อยกว่าสินทรัพย์อื่นๆในตลาด ไม่ว่าจะซื้อเก็บเพื่อสะสมไว้ไปเป็น 10-20 ปี หรือซื้อเพื่อการลงทุน สำหรับยุคนี้ยังไงก็ยัง ไม่เอาท์ จะซื้อหรือขายก็ยังมีมูลค่าและให้ผลตอบแทนได้