เจาะตลาดเครื่องสำอาง ก่อนเกิดกระแส #SaveRalph
เปิดมูลค่าตลาดเครื่องอาง ก่อนเกิดกระแส #SaveRalph เรื่องราวของกระต่ายราล์ฟในสภาพสะบักสะบอม ที่ถูกนำไปทดลองผลิตภัณฑ์สินค้าให้มนุษย์บนโลกออนไลน์
กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ สำหรับ Save Ralph หรือหนังสั้นในรูปแบบแอนิเมชัน ความยาว 3.54 นาที ที่บอกเล่าเรื่องราวของของ "ราล์ฟ" (Ralph) กระต่ายเพศผู้ที่ทำงานอยู่ในโรงงานทดลองสัตว์ โดยทำหน้าที่เป็นกระต่ายทดลองส่วนผสมต่างๆ ก่อนที่จะนำมาใช้ผลิตเป็นเครื่องสำอางเสริมความงามให้กับมนุษย์ ซึ่งหนังสั้นเรื่องนี้กลายเป็นไวรัลเผยแพร่และแชร์ต่อๆกันไปอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะบนทวิตเตอร์ได้ผุด #SaveRalph ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ทั่วโลก แน่นอนว่าการผลิตหนังสั้นชิ้นนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางบนโลกใบนี้
ภาพประกอบ : https://hsi.global/SaveRalph
มีหลายประเทศมีการยกเลิกการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์
โดยที่ผ่านมามีการรณรงค์ให้ยกเลิกการทดลองกับสัตว์มีมาอย่างต่อเนื่อง และก็มี 40 ประเทศ ที่ได้ยกเลิกการทดลองกับสัตว์ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางแล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ที่ยังคงมีการผลิตเครื่องสำอางโดยทดลองกับสัตว์อย่างต่อเนื่อง แม้ผลสำรวจล่าสุดพบว่า 83% ของคนไทย จะสนับสนุนการต่อต้านการทดลองในสัตว์ก็ตาม
Humane Society International (HSI) องค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับโลก ที่ร่วมกับพันธมิตรเป็นผู้สร้างสรรค์หนังสั้น "ราล์ฟ" นั้น ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันรณรงค์ต่อต้านในประเทศ อินเดีย ไต้หวัน นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ กัวเตมาลา ออสเตรเลีย และ 10 รัฐในบราซิล รวมถึงประเทศ ตุรกี อิสราเอล นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และรัฐใน สหรัฐอเมริกา เช่นที่รัฐแคลิฟอเนีย อิลลินอยส์ เนวาดา และ เวอร์จิเนีย ก็ไม่มีการทดลองกับสัตว์แล้ว
ปัจจุบันมีแบรนด์เครื่องสำอางกว่า 2,000 แบรนด์ทั่วโลกที่ 'ไม่มีการทดลองกับสัตว์' และได้ชื่อเป็น เครื่องสำอางที่ปราศจากความโหดร้าย (Cruelty-free) ซึ่งรวมถึง Lush, Garnier, Dove, Herbal Essences และ H&M บริษัทเหล่านี้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย โดยใช้ส่วนผสมที่ผ่านการใช้งานอย่างปลอดภัยมาแล้ว ร่วมกับเครื่องมือประเมินความปลอดภัยในการใช้งานที่ทันสมัยโดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการทดลองกับสัตว์
จีนเป็นประเทศที่มีการทดลองในสัตว์มากที่สุด
สำนักข่าว Haaretz ของอิสราเอลได้เปิดเผยสถิติการรอดชีวิตของสัตว์ทดลอง โดยระบุว่า มีสัตว์เพียง 3% หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ที่รอดชีวิตจากการทดลอง ขณะที่อีก 97% จากไปในระหว่างในทดลอง หรือได้รับการการุณยฆาต
องค์กร Cruelty Free International ซึ่งเป็นกลุ่มคุ้มครองและรณรงค์ให้ยกเลิกการทดลองสัตว์ เปิดเผยด้วยว่า ว่า ประเทศที่มีการทดลองในสัตว์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยองค์กรต่อต้านความเจ็บปวดจากการทรมานในสัตว์ (International Association Against Painful Experiments on Animals : IAAPEA) ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่มีการทดลองในสัตว์มากที่สุดในโลก ซึ่งยึดครองสัดส่วนราวๆ 75% โดยสัดส่วนดังกล่าวคาดการณ์ถึงตัวเลขที่ไม่มีการเปิดเผยในรายงานด้วย
อย่างไรก็ตาม จีนได้ประกาศยกเลิกกฎหมายดังกล่าวแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ดังนั้นก็คาดว่าในอนาคตการทดลองในสัตว์จะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ
ภาพประกอบ : https://www.pexels.com/search/cosmetics/
ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางในไทย
ในแต่ละปีที่ผ่านมาตลาดความงามในประเทศไทย ซึ่งเครื่องสำอางรวมอยู่ในนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 6-9% และในต้นปี 2564 มีการคาดการณ์ตลาดไว้ว่าจะเติบโต 8% แต่เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการล็อกดาวน์ประเทศ การชะลอตัวด้านเศรษฐกิจ ความกังวลด้านต่าง ๆ และการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ ทำให้ตลาดความงามเปลี่ยนไป โดยอีฟ โรเช่ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม ระบุว่าตลาดความงามในปีนี้เหลือมูลค่า 221,000 ล้านบาท ไม่รวมช่องทางขายตรง และเกิดการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์สินค้าต่าง ๆด้วย
ขณะที่ภาพรวมของตลาดความงามในปี 2562 จากการอ้างอิงข้อมูลของ Euromonitor พบว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยังครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 42% ในปี 2562 เติบโต 7.4% มีมูลค่ารวม 9.19 หมื่นล้านบาท รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ผม มีสัดส่วน 15% เติบโต 5.9% มูลค่ารวม 3.3 หมื่นล้านบาท และ เครื่องสำอาง มีสัดส่วน 12% เติบโตขึ้น 7.6% มูลค่ารวม 2.68 หมื่นล้านบาท ,ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย (hygiene) มีสัดส่วน 14% เติบโต 3% มีมูลค่ารวม 3.1 หมื่นล้านบาท ,น้ำหอม มีสัดส่วน 5% เติบโตขึ้น 6% มูลค่ารวมอยู่ที่ 9.55 พันล้านบาท และสุดท้ายคือ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก มีสัดส่วน 12% เติบโต 8.7% มีมูลค่ารวม 2.56 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม HSI และพันธมิตรต่างๆ ยังร่วมมือกันเพื่อพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมในการประเมินความปลอดภัยที่ปราศจากการทดลองกับสัตว์ เพื่อสนับสนุนบริษัทขนาดเล็กและหน่วยงานของรัฐให้เปลี่ยนจากการทดลองกับสัตว์ไปสู่วิธีการอื่นที่ไม่มีสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นวิธีการที่ทันสมัย พร้อมใช้งาน และมั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยกับมนุษย์ได้ดีกว่าการทดสอบกับสัตว์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา
กรณีกระแส Save Ralph ก็หวังว่าจะทำให้หลายคนตระหนักถึงความโหดร้ายที่มีต่อสัตว์ และร่วมกันเป็นกระบอกเสียงให้กับ "ราล์ฟ" รวมถึงเหล่าบรรดาสัตว์ทดลองทั่วโลกให้พ้นจากวงจรการถูกทรมาน และสามารถผลักดันให้เกิดกฎหมายเข้ามาควบคุมอย่างเป็นรูปธรรม เขย่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางตลอดจนในอุตสาหกรรมอื่นๆต่อไป
ภาพประกอบ : https://www.pexels.com/search/cosmetics/
สำหรับใครที่อยากชมวิดีโอหนังสั้น Save Ralph (Trigger Warning : การทารุณกรรมสัตว์) สามารถรับชมแบบเต็มเรื่อง ผ่านแชนแนล YouTube ของ The Humane Society of the United States คลิกที่นี่ ตอนนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย รวมถึงพากย์ไทยด้วย ดูแล้วก็อย่าลืมช่วยแชร์ต่อๆกัน