ส่องสินค้าส่งออกดาวรุ่ง-ดาวร่วงรับนโยบาย "ไบเดน"
ทั่วโลกจับตาภารกิจสำคัญ 100 วันแรกของ"ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ส่วนการค้าระหว่าง ไทยและสหรัฐฯจะได้รับอานิสงส์มากน้อยแค่ไหน ตามไปหาคำตอบที่ TNNONLINE
ทั่วโลกพุ่งเป้าไปที่ประเทศสหรัฐฯ ยักษ์ใหญ่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่นายโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา เน้นนโยบายเศรษฐกิจ Made in All America by All of America’s Workers มุ่งสร้างความแข็งแกร่ง ให้ภาคอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีของ สหรัฐฯ ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้ประเทศสหรัฐฯ สามารถต่อสู้กับระบบ Automation และโลกาภิวัตน์ ยกระดับแข่งขันในเวทีการค้าโลก พร้อมนําความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมการผลิตและเทคโนโลยีกลับคืนสู่ประเทศ
สำหรับภารกิจสำคัญ 100 วันแรกที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประเมินไว้เบื้องต้น หนีไม่พ้น วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะคลอดมาตรการอะไรเพิ่มเติม หลังจาก"ไบเดน"ลงนามคำสั่ง เพิ่มการทดสอบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่หน่วยงานภาครัฐ และระหว่างการเดินทางข้ามรัฐ เพื่อลดผลกระทบการแพร่ระบาดที่นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย
ถัดมาเป็นเรื่องนโยบายการกอบกู้เศรษฐกิจ เร่งขับเคลื่อนแนวทาง “Buy American” (เพิ่มภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการภายในประเทศ) การให้ชำระเงินกู้เพื่อการศึกษาพร้อมทั้งดอกเบี้ย การเปิดทำการสถานศึกษาและภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ปธน. ไบเดน ยังมีแผนงบประมาณการเยียวยาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่า1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่โครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ การให้เงินช่วยเหลือผู้ประกอบการและเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น15 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง และงบประมาณสนับสนุนให้โรงเรียนกลับมาเปิดทำการอย่างปลอดภัย
สำหรับนโยบายสิ่งแวดล้อมการกลับเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส (Paris Agreement) และเร่งแก้ไขปัญหาด้านสภาพแวดล้อมภายใต้กรอบความคิดทางวิทยาศาสตร์ และประเด็นสุดท้ายเป็นเรื่องความเท่าเทียมทางชาติพันธุ์ เช่น การยกเลิกนโยบายปิดกั้นผู้อพยพจากบางประเทศมุสลิม การสนับสนุนกลุ่ม คนผิวสีและกลุ่มคนด้อยโอกาสอื่น ๆ การขยายความครอบคลุมบริการทางการดูแลสุขภาพ (ซึ่งรวมถึงกลุ่มสตรีที่มีรายได้ต่ำ และสตรีผิว)
ประเด็นต่าง ๆ ข้างต้นสะท้อนให้ว่า "ไบเดน" ยึดมั่นในเจตนารมณ์และดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายที่เคยให้ไว้ในช่วงการหาเสียงที่ระบุว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือภารกิจสำคัญอันดับแรก เช่นเดียวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ สอดคล้องกับรายชื่อทีมเศรษฐกิจ1 ที่ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเด็นการว่างงานและความเท่าเทียมม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับกฎกติกาสากลและมีแนวโน้มสร้างความร่วมมือผ่านองค์กรหรือข้อตกลงระหว่างประเทศมากขึ้น
รวมถึงการฟื้นฟูภาพความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในเวทีโลก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าสหรัฐฯ จะฟื้นฟูหรือเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในประเด็นที่มีความสำคัญหลากหลายรวมถึงด้านการค้า และกลับมาให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือแบบพหุภาคีและยึดถือกฎกติกาสากล เช่น กฎเกณฑ์ทางการค้าตามกลไก WTO มากขึ้น
มาตรการเยียวยาและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ฯ ในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการฟื้นตัวของกลุ่มชนชั้นกลางที่เป็นกำลังซื้อหลักของประเทศ จะสนับสนุนให้สหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยล่าสุดธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 64 จะขยายตัวที่ 3.5%ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำลังการซื้อของชาวอเมริกัน รวมถึงเศรษฐกิจโลกและการซื้อสินค้าจากไทย ด้วยสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย
ปี 61 มูลค่าการค้าระหว่างไทยสหรัฐอยู่ที่ 41,368 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งออก 28,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 14,969 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลการค้าเกินดุล 13,072 ดอลลาร์สหรัฐ ปี 62 มูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 48,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นส่งออก 31,348ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 17,282 ดุลการค้าเกินดุล 14,066 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปี 63 (ม.ค.-พ.ย.) การค้า 2 ประเทศอาจชะลอตัวจากพิษโควิดโดยมีมูลค่า 45,159 ล้านบาท ส่งออก 31,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.01% หากเทียบกับช่่วงเดียวกันของปีก่อน นำเข้า 13,787 ล้านบาท ลดลง 13.23% ดุลการค้าเกินดุล 17,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.42%
สำหรับสินค้าที่ยังเป็น"ดาวรุ่ง" ในการส่งออกไปสหรัฐฯ ยังเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคขั้นปลายน้ำ กลุ่มสินค้าหลักที่ไทยส่งออก ไปสหรัฐฯ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และ ส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าที่ไทยเป็นฐานการผลิตให้สหรัฐฯเช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และไดโอด
ขณะที่สินค้าเกี่ยวเนื่องกับการป้องกันโรค/ผลิตภัณฑ์การแพทย์ เช่น ถุงมือยางยังสดใส รวมถึงกลุ่มอาหาร และสินค้าที่เป็นกลุ่ม work from home เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน สินค้าไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นของบริษัทสหรัฐฯ ในไทยเองที่ส่งออกโตแบบก้าวกระโดด
ในทางตรงกันข้ามสินค้าที่เป็น "ดาวร่วง" รับผลกระทบทางลบไปเต็ม ๆ จากการกำหนดให้ภาครัฐ เพิ่มการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการภายในประเทศเพิ่มขึ้นหนีไม่พ้นสินค้าเหล็ก อลูมิเนียม และวัตถุดิบสำคัญ ภายใต้โครงการสำคัญของรัฐบาล อาจสร้างแรงกดดันต่อการส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าวจากไทยไปยังสหรัฐฯ (ปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสินค้าเหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ อันดับ 1 ของไทย คิดเป็นมูลค่า 943.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วน21.44 % ของการส่งออกใน 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.ปี 63)
นอกจากนี้การผลักดันเข้าเป็นสมาชิกความตกลงปารีสของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์สันดาปภายในของไทย (ปัจจุบันสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกเครื่องยนต์สันดาปภายในสำคัญอันดับ 6 ของไทย คิดเป็นมูลค่า200.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วน 5.94 % ของการส่งออก 11 เดือน ในปี 63)
อีกทั้งอาจกระตุ้นให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการสหรัฐฯ ตื่นตัวและกำหนดเงื่อนไข/มาตรฐานของสินค้าที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การติดฉลากบ่งชี้ระดับการปล่อยคาร์บอน หรือการให้บริษัทผู้ผลิตเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการขาดกลางและขนาดเล็ก
กระแสความตื่นตัวของประชากรโลกเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะไบเดนตั้งเป้าหมายให้ สหรัฐฯ มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น 0 ภายในปี 78 เพื่อจูงใจให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้ารถยนต์แบบสันดาปลดลง
ไทยต้องเตรียมความพร้อมรับมือนโยบายต่าง ๆ ที่ "ไบเดน" ให้ความสำคัญ เพราะสหรัฐฯ อาจหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขการเจรจาการค้าในอนาคต ทั้งประเด็นสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน แรงงาน รวมถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา เช่นเดียวกับมาตรการอื่นๆที่สหรัฐฯ ใช้ติดตามพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม
โดยเฉพาะนโยบายค่าเงินของประเทศคู่ค้า/การบิดเบือนค่าเงิน(currency manipulation) ซึ่งอาจใช้เป็นเหตุผลในการออกมาตรการอื่น ๆ เช่น มาตรการภายใต้มาตรา 301 และการขึ้นภาษีตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ต่อประเทศคู่ค้าที่แทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนให้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง การก้าวย่างของไบเดนจากนี้ไปภาครัฐ-เอกชนอย่ากระพริบตา วางเกมให้ถูกรับมือให้ทันกับสถานการณ์เพียงแค่นี้ก็ได้ชัยชนะไปกว่าครึ่ง!
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE