TNN เปิดสำนวน 9 พันแผ่น 'คดีทนายตั้ม' 4 คดี 7 ผู้ต้องหา

TNN

TNN Exclusive

เปิดสำนวน 9 พันแผ่น 'คดีทนายตั้ม' 4 คดี 7 ผู้ต้องหา

เปิดสำนวน 9 พันแผ่น 'คดีทนายตั้ม' 4 คดี 7 ผู้ต้องหา

เจาะลึกคดีทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากคดีฉ้อโกงแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ 71 ล้าน ขยายผลพบความผิดเพิ่ม 3 คดี ผู้ต้องหา 7 ราย สำนวนสอบสวนกว่า 9,317 แผ่น เผยเส้นทางเงินและการฟอกเงินข้ามประเทศ

ย้อนรอยคดีทนายตั้ม จากคดีฉ้อโกงสู่สำนวนฟ้อง 9,317 แผ่น


เริ่มต้นจากการแจ้งความเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 เมื่อ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ "เจ๊อ้อย" เศรษฐินีไทยที่พำนักในฝรั่งเศส มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ในข้อหาฉ้อโกง หลังถูกหลอกให้ลงทุนแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ โดยอ้างว่าได้รับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรม 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท


จากการสืบสวนขยายผล ตำรวจพบการกระทำผิดเพิ่มเติมอีก 3 คดี รวมเป็น 4 คดี มีผู้ต้องหารวม 7 คน ประกอบด้วย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด อายุ 44 ปี, นางปทิตต อายุ 41 ปี (ภรรยา), น.ส.ปิณฑิรา   (พี่สาวภรรยา), นายนุวัฒน์   หรือ "นุ" อายุ 34 ปี (คนสนิททนายตั้ม), น.ส.สารินี  อายุ 32 ปี (แฟนนายนุ) และพนักงานโชว์รูมรถอีก 2 คนที่ร่วมปลอมแปลงเอกสาร


คดีนอกราชอาณาจักรประกอบด้วย คดีแรกคือการฉ้อโกงเงินลงทุนแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ 71,067,764.70 บาท โดยทำสัญญาจ้างกับบริษัท ษิทธา ลอว์เฟิร์ม จำกัด กำหนดส่งมอบงานวันที่ 1 กันยายน 2567 แต่ไม่ได้รับการส่งมอบระบบตามสัญญา คดีที่สองคือการฉ้อโกงส่วนต่างจากการซื้อรถเบนซ์จีคลาส โดยแจ้งราคา 12.93 ล้านบาท ทั้งที่ราคาจริงเพียง 11.4 ล้านบาท ทำให้ได้ส่วนต่าง 1.53 ล้านบาท และคดีที่สามคือการฉ้อโกงกรณีกระเป๋าเงินดิจิทัล 39 ล้านบาท โดยนายนุวัฒน์และน.ส.สารินีร่วมกันสร้างหลักฐานเท็จว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ มีการแจ้งความเท็จที่ สน.บางซื่อ และใช้เป็นหลักฐานหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน จากนั้นได้ถอนเงินสดออกจากธนาคารในห้างดังย่าน 5 แยกลาดพร้าว


ส่วนคดีในราชอาณาจักรเป็นกรณีกินส่วนต่างค่าออกแบบโรงแรม The Angel โดยอ้างว่าจ้างบริษัทออกแบบในราคา 9 ล้านบาท แต่ความจริงจ้างเพียง 3.5 ล้านบาท ทำให้ได้เงินส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท


ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. ได้นำสำนวนการสอบสวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ส่งให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา


สำนักงานอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมสอบคดี พร้อมด้วยอัยการอีก 5 คน เนื่องจากเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร โดยต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนการฝากขังผัดสุดท้ายวันที่ 30 มกราคม 2568 ขณะที่สำนักงาน ปปง. มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหา ทั้งที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชี รวมมูลค่า 71 ล้านบาท


ปัจจุบันทนายตั้มและภรรยาถูกควบคุมตัวในเรือนจำ โดยทางเรือนจำได้จัดให้ทนายตั้มอยู่ในโซนที่ไม่มีคู่ขัดแย้งเพื่อความปลอดภัย ด้านทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ประกาศยุติบทบาทการเป็นทนายความ อ้างเหตุกังวลเรื่องการใช้เอกสารปลอมและมองว่าคดี 39 ล้านบาทสู้ยาก ส่วนทางด้านผู้เสียหาย ทนายสมชาติ พินิจอักษร ยืนยันว่าเจ๊อ้อยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ 



ภาพ TNN 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง