TNN จากตำรับโบราณสู่มรดกโลก เส้นทางแห่งความสำเร็จของ 'ต้มยำกุ้ง'

TNN

TNN Exclusive

จากตำรับโบราณสู่มรดกโลก เส้นทางแห่งความสำเร็จของ 'ต้มยำกุ้ง'

จากตำรับโบราณสู่มรดกโลก เส้นทางแห่งความสำเร็จของ 'ต้มยำกุ้ง'

ต้มยำกุ้ง อาหารไทยขึ้นแท่น "มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ" จากยูเนสโก! อะไรคือเหตุผล? เส้นทางสู่ Soft Power ไทยเป็นอย่างไร?

"ต้มยำกุ้ง" อาหารที่หลายคนคุ้นเคยในฐานะ "ราชาแห่งน้ำซุปไทย" เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการอาหารไทย เมื่อได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็น "มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ" จากยูเนสโก ในการประชุมที่ปารากวัย (เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567) นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ


ย้อนรอยประวัติศาสตร์ของ "ต้มยำกุ้ง" แม้จะไม่มีการบันทึกจุดกำเนิดที่แน่ชัด แต่นักวิชาการอย่าง "สุจิตต์ วงษ์เทศ" ได้เสนอมุมมองที่น่าสนใจว่า ต้มยำเป็นผลผลิตจากการผสมผสานวัฒนธรรมการกินผ่านเส้นทางการค้าโบราณ โดยได้รับอิทธิพลจากสองขั้วสำคัญ คือ "แกงน้ำข้นแบบอินเดีย" และ "แกงน้ำใสแบบจีน" ซึ่งเข้ามาพร้อมกับการค้าทางทะเลอันดามันและศาสนาพราหมณ์-พุทธ


หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญปรากฏใน "ปะทานุกรม การทำของคาวหวานอย่างฝรั่งแลสยาม" (พ.ศ. 2441) ซึ่งบันทึกสูตร "ต้มยำกุ้งทรงเครื่อง" ที่แตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง โดยมีส่วนผสมที่น่าประหลาดใจ อาทิ (เนื้อหมูต้มฉีก, ปลาใบไม้เผา, ปลาแห้ง, กระเทียมดอง, แตงกวา, มะดัน) พร้อมเครื่องปรุงรสที่เรียบง่ายเพียง "น้ำปลา น้ำกระเทียมดอง น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว"


ต่อมาในหนังสือ "ของเสวย" (พ.ศ. 2507) โดย "หม่อมราชวงศ์กิตินัดดา กิติยากร" ได้บันทึกสูตรต้มยำกุ้งที่ใกล้เคียงกับที่เรารู้จักในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของเมนูนี้ที่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย จนกลายเป็นต้มยำที่มีเอกลักษณ์สองแบบ คือ "ต้มยำน้ำใส" และ "ต้มยำน้ำข้น" ที่โดดเด่นด้วยรสชาติ (เปรี้ยว-เผ็ด-เค็ม-หวาน) อันเป็นเอกลักษณ์


นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า "ต้มยำกุ้ง" ไม่เพียงสะท้อน "ภูมิปัญญาท้องถิ่น" และ "วิถีชีวิตชุมชนไทย" แต่ยังเป็น "อาหารเพื่อสุขภาพ" ที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันลงตัวระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ผ่านการใช้ (สมุนไพรไทย, กุ้งน้ำจืด) และกระบวนการปรุงที่ประณีต


ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นโอกาสในการผลักดัน "ต้มยำกุ้ง" สู่การเป็น "Soft Power" ของไทย ที่จะช่วยส่งเสริม (เศรษฐกิจสร้างสรรค์, การท่องเที่ยวเชิงอาหาร, การพัฒนาที่ยั่งยืน) ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้ให้คงอยู่สืบไป


"ต้มยำกุ้ง" จึงไม่ใช่แค่อาหารจานเด็ด แต่เป็น "สัญลักษณ์แห่งภูมิปัญญาไทย" ที่ผสมผสานความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ การสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง จนได้รับการยอมรับในระดับโลก สมกับการเป็น "มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ" อย่างแท้จริง



ภาพ Freepik 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง