สปอตไลท์ส่องไทย: ความสำเร็จบนเวทีเอเปคที่เกินคาด
แพทองธาร นำทัพ "การทูตแนวใหม่" ผสาน BCG Model - Negative Income Tax กวาด 3 เอกสารสำคัญ ทั่วโลกจับตา! ไทยพลิกบทบาท "ผู้ตาม" สู่ "ผู้นำ" เวทีเอเชียแปซิฟิก
เมื่อม่านการประชุมเอเปคที่เปรูปิดลง สิ่งที่ทั่วโลกจับตามองคือบทบาทของไทยที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ แต่อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ไทยประสบความสำเร็จในครั้งนี้?
"การทูตแนวใหม่" ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน การนำเสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็น (Digital Economy) หรือ (Green Technology) สะท้อนให้เห็นว่าไทยไม่ได้เพียงแค่พูด แต่มีแผนการที่ชัดเจน
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือการที่ไทยสามารถเชื่อมโยง "เศรษฐกิจในระบบ" และ "เศรษฐกิจนอกระบบ" เข้าด้วยกันผ่านนวัตกรรมทางการเงิน อย่าง "Negative Income Tax" ซึ่งสะท้อนความเข้าใจปัญหาพื้นฐานของประเทศกำลังพัฒนา แล้วทำไมสิ่งนี้ถึงได้รับความสนใจจากนานาชาติ?
คำตอบอาจอยู่ที่การผสมผสานระหว่าง "นวัตกรรม" กับ "ความเป็นจริง" ได้อย่างลงตัว การพูดถึง (BCG Model) ที่มาพร้อมกับเป้าหมายชัดเจนในการเพิ่มพลังงานสะอาด 20 กิกะวัตต์ใน 20 ปี แสดงให้เห็นว่าไทยมีทั้งวิสัยทัศน์และแผนการที่เป็นรูปธรรม
แต่สิ่งที่อาจเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การที่ไทยสามารถผลักดันให้เกิดการรับรองเอกสารสำคัญถึง 3 ฉบับ โดยเฉพาะ "แผนงานลิมา" ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจในระบบ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของไทยอย่างชัดเจน
คำถามสำคัญที่ต้องติดตามต่อไปคือ ไทยจะสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้หรือไม่? และจะต่อยอดความสำเร็จนี้อย่างไรในการประชุมครั้งต่อไปที่เกาหลีใต้?
ท้ายที่สุด การประชุมเอเปคครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่ได้เป็นเพียง "ผู้เข้าร่วม" แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็น "ผู้นำ" ในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง หากไทยสามารถรักษาแรงขับเคลื่อนนี้ไว้ได้ เราอาจได้เห็นบทบาทใหม่ของไทยบนเวทีโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ข่าวแนะนำ