เปิดชีวิต "เดอะแบก" เมื่อความรับผิดชอบกลายเป็นโซ่ตรวน
คุณเคยสงสัยไหมว่า? ใครคือคนที่ต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้แต่เพียงลำพัง? พวกเขาคือใคร กำลังเผชิญกับอะไร และจะอยู่กับความกดดันเหล่านั้นได้อย่างไร? มาทำความรู้จักกับ "เดอะแบก" วีรบุรุษผู้ไร้ซึ่งเสียงเชียร์แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรัก
ในสังคมไทยปัจจุบัน มีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ทำงานหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แบกรับภาระอันหนักอึ้งของครอบครัวไว้แต่เพียงผู้เดียว พวกเขาคือ "เดอะแบก" วีรบุรุษนิรนามที่เสียสละทุกอย่างเพื่อคนที่รัก แต่กลับมักถูกมองข้าม
เดอะแบก คือใคร?
เดอะแบก หรือ เสาหลักของครอบครัว คือกลุ่มคน โดยเฉพาะคนรุ่น Gen Y ที่มีอายุระหว่าง 26-40 ปี ที่ต้องรับผิดชอบภาระส่วนใหญ่ในครอบครัว ทั้งด้านการเงิน หน้าที่การงาน และการดูแลสมาชิก เดอะแบกส่วนใหญ่มักเป็นลูกคนโตหรือลูกที่มีความสามารถที่สุดในบ้าน ซึ่งถูกคาดหวังให้เป็นเสาหลักของครอบครัว
เดอะแบก ‘แบก’ อะไร?
จากผลสำรวจบนโพล LINE TODAY พบว่า 30% ของเดอะแบกต้องรับบทบาทเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว 21% กลัวใช้ชีวิตไม่เต็มที่เพราะเงินไม่พอ 16% แบกรับภาระหนี้สินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังต้องกังวลเรื่องความก้าวหน้าในอาชีพ ความคาดหวังจากคนรอบข้าง และความสัมพันธ์ส่วนตัว
ผลกระทบต่อสุขภาพของ ‘เดอะแบก’
การแบกรับภาระอันหนักอึ้ง ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งกายและใจของเดอะแบก ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง นอนไม่หลับ เครียดและวิตกกังวล กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน หากปล่อยไว้โดยไม่จัดการ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง ทั้งโรคทางกาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคทางจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล งานวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2565 พบว่า เดอะแบกมีแนวโน้มที่จะมีภาวะซึมเศร้าสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า
‘ความกตัญญู’ กับความกดดันของสังคม
ความเป็นเดอะแบกผูกโยงแน่นแฟ้นกับคำว่า "กตัญญู" ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กในสังคมไทย การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมา ถือเป็นหน้าที่อันดับหนึ่งของลูกที่ดี แต่เส้นแบ่งระหว่างความกตัญญูกับการเสียสละจนเกินตัวนั้นบางเฉียบ สังคมที่คาดหวังให้ลูกแสดงความกตัญญู กลับเพิ่มแรงกดดันให้เดอะแบกยิ่งต้องดิ้นรน เพื่อเอาชนะใจตัวเองและความคาดหวังของครอบครัว
เมื่อ ‘ความรัก’ กลายเป็น ‘ห่วงโซ่’
ผู้เขียน รับรู้เรื่องราวของ ‘ข้าราชการ’ ท่านหนึ่ง ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทุกอย่างในครอบครัว ทั้งค่าบ้าน ค่ารถ หนี้สินของแม่ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันเลย หรือ ‘พี่พร’ ที่สูญเสียพ่อแม่ แล้วต้องหันมารับบทบาทหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงดูน้องและแบกรับหนี้สินจนต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้หนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ความรักที่มีต่อครอบครัวนั้นงดงาม แต่บางครั้งก็อาจกลายเป็นห่วงโซ่ที่ฉุดรั้งให้จมดิ่งลงไปในวังวนแห่งความทุกข์ได้
หยุดความคาดหวังที่ไม่เป็นธรรม สร้างความเข้าใจและแบ่งปันภาระในครอบครัว
เดอะแบก ไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างเพียงลำพัง การสื่อสารพูดคุยกับครอบครัวอย่างเปิดเผย แบ่งปันทั้งความรู้สึกและภาระที่แบกรับ เรียนรู้ที่จะปฏิเสธในสิ่งที่เกินกำลัง รวมถึงขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง จะช่วยลดแรงกดดันได้
ขณะที่ เดอะแบก เองก็ต้องเรียนรู้ที่จะรักและดูแลตัวเองมากขึ้นด้วย หาเวลาพักผ่อน ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ให้รางวัลชีวิตตัวเองบ้าง ออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ สุดท้ายหากรู้สึกท้อแท้หรือเหนื่อยล้ามากเกินไป อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 การปรับวิธีคิดและดูแลสุขภาพกายใจให้ดี จะช่วยให้เดอะแบกก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
ในระดับสังคม การปลูกฝังให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้น ไม่ผลักภาระทั้งหมดให้คนคนเดียว รวมถึงการลดความคาดหวังในเรื่อง "ความกตัญญู" ลงบ้าง หรือตีความใหม่ให้เหมาะสมกับยุคสมัย จะช่วยลดความกดดันให้กับเดอะแบกทั้งหลายได้
เดอะแบก คือ วีรบุรุษเงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง ความทุ่มเทและความรักที่พวกเขามีต่อครอบครัวนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะประเมินค่าได้ สังคมและครอบครัวที่ดีจึงไม่ควรปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กับความยากลำบากเพียงลำพัง แต่ควรเป็นกำลังใจเคียงข้างคอยสนับสนุนกันและกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกันได้ ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่การเสียสละจนตัวเองไม่เหลืออะไร แต่คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข โดยที่เรายังคงมีพลังกายใจที่เข้มแข็งพอจะดูแลพวกเขาต่อไปได้
แหล่งอ้างอิง:
ผลสำรวจบนโพล LINE TODAY
เรียบเรียงโดย : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN Online
ข่าวแนะนำ