TNN ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า” เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”

TNN

TNN Exclusive

ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า” เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”

ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า”  เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”

ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า” เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”



บทความนี้ จะพาไปวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่อง "หลานม่า" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของค่าย GDH ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ และสะท้อนมุมมองต่างๆ ในการดูแลผู้สูงอายุ


นอกจากนี้ บทความยังชี้ให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังกระตุ้นให้เราตั้งคำถามต่อค่านิยมในสังคมปัจจุบัน และชวนให้พิจารณาคุณค่าของความสัมพันธ์มนุษย์มากกว่าการมองแบบธุรกรรม โดยสะท้อนให้เห็นความสำคัญของครอบครัว ความผูกพัน และความรักที่ไม่มีสิ่งใดมาแทนได้ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ชวนให้ผู้ชมได้ทบทวนและให้คุณค่ากับความสัมพันธ์แบบมนุษย์มากขึ้น


ภาพยนตร์ "หลานม่า" ไม่เพียงแต่สะท้อนแง่มุมต่างๆ ของการดูแลผู้สูงอายุ เช่น ความอดทนและความเข้าใจ การให้เวลาร่วมกัน การดูแลสุขภาพ การปรับสภาพแวดล้อม และการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังกระตุ้นให้เราตั้งคำถามต่อค่านิยมในสังคมปัจจุบัน และชวนให้พิจารณาคุณค่าของความสัมพันธ์มนุษย์มากกว่าการมองแบบธุรกรรม โดยสะท้อนให้เห็นความสำคัญของครอบครัว ความผูกพัน และความรักที่ไม่มีสิ่งใดมาแทนได้ ทำให้เราทบทวนและให้คุณค่ากับความสัมพันธ์แบบมนุษย์มากขึ้น


ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า”  เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”


หลานม่า (LAHN MAH) : ภาพยนตร์ GDH เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ


เรื่องย่อ


เอ็ม (บิวกิ้น พุฒิพงศ์) หนุ่มปีสี่ที่ดรอปเรียนเพื่อมุ่งมั่นกับเส้นทางสายเกม แต่ฝันยังไม่เป็นจริง เขาจึงหันมาหาทางรวยแบบสบายๆ โดยเลียนแบบมุ่ย (ตู ต้นตะวัน) ลูกพี่ลูกน้องที่ร่ำรวยจากมรดกของอากงที่มุ่ยดูแลจนเสียชีวิต


เอ็มจึงตัดสินใจอาสาไปดูแลอาม่า (แต๋ว อุษา) ที่ป่วยเป็นมะเร็ง เหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่นาน หวังจะได้มรดกเป็นบ้านราคาหลักล้าน


ความสัมพันธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้


หลานหนุ่มวัย 20 กับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน เกิดเป็นความวุ่นวาย ตลก และอบอุ่น ผ่านบทสนทนาและเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เอ็มได้เรียนรู้ความหมายของ "ครอบครัว"


มากกว่าเงินทอง


จากจุดเริ่มต้นที่หวังเพียงเงินทอง เอ็มกลับค้นพบว่า ครอบครัวมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด หลานม่าจึงไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัว แต่แฝงไปด้วยแง่คิด สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และความอบอุ่นที่หลายคนโหยหา

ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า”  เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”


"หว่านพืชหวังผล" ประเด็นสำคัญจากภาพยนตร์ "หลานม่า" 


ความหมายของ "หว่านพืชหวังผล"


"หว่านพืชหวังผล" หมายถึง การลงทุนลงแรง คาดหวังผลตอบแทน เปรียบเสมือนการกระทำที่มุ่งหวังผลลัพธ์ที่ต้องการ


ในภาพยนตร์ "หลานม่า"


"หว่านพืชหวังผล" สะท้อนผ่านตัวละคร "เอ็ม" หลานชายที่หวังผลประโยชน์จากอาม่า ด้วยการอาสาไปดูแลอาม่าที่ป่วยเป็นมะเร็ง หวังจะได้รับมรดกเป็นบ้านราคาหลักล้าน


หลานม่า: ชวนทบทวนคุณค่า ความสัมพันธ์ มากกว่าธุรกรรม


การมองความสัมพันธ์แบบธุรกรรม: เอ็มมองความสัมพันธ์กับอาม่าแบบธุรกรรม  


การมองความสัมพันธ์แบบธุรกรรม คือ การมองความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในเชิงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางอารมณ์ความรู้สึก ความผูกพัน หรือความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง แต่จะมุ่งเน้นไปที่ผลตอบแทนทางวัตถุที่จะได้รับเป็นสำคัญ 


ดังที่เห็นได้จากตัวละคร "เอ็ม" ในภาพยนตร์ "หลานม่า" ที่มองความสัมพันธ์กับอาม่าเพียงเพื่อหวังจะได้รับมรดกเป็นบ้านราคาหลักล้าน และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความผูกพัน แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสิ่งวัตถุและผลประโยชน์มากกว่าความสัมพันธ์ในเชิงมนุษยธรรม


ในภาพยนตร์ "หลานม่า" เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร "เอ็ม" หลานชาย ที่เริ่มต้นด้วยมุมมองแบบ "หว่านพืชหวังผล" เขาก็เริ่มเรียนรู้และค้นพบคุณค่าที่แท้จริงของความสัมพันธ์ครอบครัว ความรัก และความผูกพัน


การค้นพบคุณค่าที่แท้จริงดังกล่าวทำให้เอ็มตระหนักได้ว่า สิ่งที่แท้จริงมีค่ามากกว่าเพียงแค่เงินทอง เขาได้รับสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง คือ ความอบอุ่นใจ มิตรภาพ และความผูกพันจากอาม่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความหมายและคุณค่าที่ลึกซึ้งกว่าการได้รับมรดกหรือประโยชน์ทางวัตถุ การเปลี่ยนแปลงมุมมองของเอ็มจึงเป็นบทเรียนที่สำคัญให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์อันแท้จริงในชีวิต


ถอดบทเรียนจาก “หลานม่า”  เปลี่ยน “ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม” สู่ “ความผูกพันที่แท้จริง”



ประเด็นน่าสนใจในภาพยนตร์ "หลานม่า"


ความสัมพันธ์ระหว่างวัย


ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ระหว่างหลานชายวัย 20 ปี กับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี ทั้งคู่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน เกิดเป็นเรื่องราวที่ทั้งตลก อบอุ่น และเต็มไปด้วยบทเรียนชีวิต


ความหมายของ "ครอบครัว"


"หลานม่า" ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์ดราม่าครอบครัว แต่แฝงไปด้วยแง่คิด สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของครอบครัว หลานชายที่หวังเพียงเงินทอง กลับค้นพบว่าครอบครัวมีความสำคัญเหนือสิ่งใด


การเผชิญหน้ากับความสูญเสีย


ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอประเด็นเรื่องความสูญเสีย อาม่าที่ป่วยเป็นมะเร็ง เหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่นาน หลานชายจึงต้องเตรียมใจเผชิญหน้ากับการสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิต


"จากการวิเคราะห์ภาพยนตร์ "หลานม่า" สิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนคือ "เวลา" เป็นสิ่งที่คนแก่ที่บ้านต้องการมากที่สุด แต่เป็นสิ่งที่ลูกหลานกลับให้ได้น้อยที่สุด"


“การดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นสิ่งที่ควรทำด้วยความรัก ความอดทน และความเข้าใจ 
การให้เวลาร่วมกัน ดูแลสุขภาพ และปรับสภาพแวดล้อม 
จะช่วยสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ”


ท้ายสุดนี้  จึงอาจกล่าวได้ว่า เรื่องราวในภาพยนตร์ "หลานม่า" เป็นเรื่องจริงที่อาจพบเห็นได้ในหลายครอบครัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมในสังคมที่มักมองความสัมพันธ์เป็นเพียงธุรกรรมแลกเปลี่ยน แต่ภาพยนตร์ก็ได้ชวนให้ผู้ชมได้พิจารณาและทบทวนคุณค่าของความเป็นครอบครัวและความผูกพัน ที่มีมากกว่าเพียงแค่ผลประโยชน์ทางวัตถุ


การเปลี่ยนแปลงของตัวละครเอ็ม จึงเป็นบทเรียนสำคัญ ให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ที่แท้จริงในชีวิต และใช้เป็นบทเรียนในการดูแลและให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุในครอบครัวของเราด้วย 


ตัวอย่างหลานม่า


ภาพ GDH 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง