Facebook แบนคีย์เวิร์ดโฆษณาเจาะกลุ่มการเมือง / ศาสนา / รสนิยมทางเพศ

Meta ได้ออกมาประกาศว่าบริษัทมีแผนที่จะจำกัดตัวเลือกในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้ลงโฆษณา โดยไม่อนุญาตให้ผู้ลงโฆษณากำหนดเป้าหมายจากหัวข้อที่ละเอียดอ่อนบางประเภท โดยจะทำการลบคีย์เวิร์ด “การกำหนดเป้าหมายโดยละเอียด” หลายพันรายการออก เช่น รสนิยมทางเพศ ศาสนา เชื้อชาติ หรือการเมือง เป็นต้น เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2565 

ถึงแม้ว่าการโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายจะเป็นหนึ่งในจุดแข็งของการโฆษณาบน Facebook มานานก็ตาม แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางบริษัทเองก็ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่แพลตฟอร์มอนุญาตให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากเกินไป เช่น ลงโฆษณาเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายจากกิจกรรมต่างๆ ที่ยูเซอร์บนเฟซบุ๊คใช้ หรือในปี 2019 เอง ทาง facebook ก็ถูกฟ้องร้องหลายคดีเกี่ยวกับการลงโฆษณาด้วยเช่นกัน

ที่มาของภาพ reuters

Graham Mudd  รองประธาน Meta (FB) ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับโฆษณา กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการตัดสินใจที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจและองค์กรบางแห่งรวมถึงตัว Meta เองด้วย เพราะรายได้จากการโฆษณาเป็นแหล่งรายได้ที่ดีของ Facebook ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนโยบายโฆษณาอาจทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไปได้เช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะมีการจำกัดคีย์เวิร์ดหลายพันรายการ แต่ก็ยังมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายอีกมากที่ไม่ถือว่ามีความละเอียดอ่อน เช่น อายุ เพศ และสถานที่ การเจาะกลุ่มเป้าหมายประเภทนี้ยังสามารถใช้ได้ โดย  Facebook จะกำหนดหมวดหมู่ความสนใจเหล่านี้ให้กับโปรไฟล์ของผู้ใช้งานตามกิจกรรมที่ชื่นชอบ หรือโพสต์หน้าเพจ

ที่มาของภาพ reuters

การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลทั่วโลกกับแอปพลิเคชัน Facebook, Instagram และ Messenger รวมถึง เครือข่ายของ Meta ทั้งหมด ที่ลงโฆษณาบนแอปพลิเคชันอื่นๆ ทั้งนี้บริษัทจะเริ่มใช้นโยบายดังกล่าว ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565 โดยผู้โฆษณาจะไม่สามารถเลือกคำหลักจากหมวดหมู่ที่ละเอียดอ่อนสำหรับแคมเปญโฆษณาใหม่ได้อีกต่อไป และในเดือนมีนาคม แคมเปญที่มีอยู่ซึ่งใช้คำดังกล่าวจะหยุดการทำงานทันที

Meta ยังกล่าวอีกว่ามีแผนที่จะให้ผู้ใช้ออกแบบได้ว่าต้องการจะเห็นโฆษณาประเภทใด ซึ่งทาง Facebook จะอนุญาตให้ผู้ใช้เห็นโฆษณาบางประเภทได้น้อยลง เช่น การเมือง แอลกอฮอล์ หรือการพนัน เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก

reuters

CNN

techcrunch