กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเตรียมนำเครื่องบินล่องหน B-21 Raider ประจำการในปี 2027

กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเปิดเผยความคืบหน้าการพัมนาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ล่องหน B-21 Raider จำนวนประมาณ 5 ลำ ที่กำลังพัฒนาในโรงงานของบริษัท Northrop Grumman รัฐแคลิฟอร์เนียและเตรียมนำเข้าประการในปี 2027  เครื่องบินรุ่นดังกล่าวติดตั้งเทคโนโลยีล่องหนที่มีความทันสมัยมากที่สุดรุ่นหนึ่งของโลกถูกวางแผนให้เป็นอาวุธหลักสำคัญของกองทัพสหรัฐอเมริกาในปฏิบัติการลาดตระเวนป้องกันประเทศ ปฏิบัติการลับสอดแนม การทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ระยะไกลและการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์

เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ล่องหน B-21 Raider ถูกเปิดเผยแผนการพัฒนาครั้งแรกในช่วงปี 2014 - 2016 อย่างไรก็ตามข้อมูลด้านประสิทธิภาพและสมรรถนะของเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นนี้ไม่ถูกเปิดต่อสาธารณชนทั้งหมด เนื่องจากเป็นความลับทางด้านการทหารทราบเพียงข้อมูลความสามารถในการบินล่องหนหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ความถี่ต่ำที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อค้นหาเครื่องบินล่องหน ติดตั้งจรวดอากาศสู่พื้น อากาศสู่อากาศและระเบิดนิวเคลียร์ B-21 Raider ชื่อของเครื่องบินถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบินสหรัฐอเมริกาในปฏิบัติการ Doolittle Raid ปฏิบัติการทิ้งระเบิดในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

คาดว่ากองทัพสหรัฐอเมริกามีแผนการนำเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นนี้เข้าประจำการมากกว่า 100 ลำ และอาจมากถึง 145 ลำ ในอนาคตขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของความขัดแย้งระหว่างประเทศในช่วงเวลานั้น ๆ โดยเครื่องบินแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 550 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 18,300 ล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 5 ของงบประมาณทางทหารของประเทศไทยทั้งปี เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-21 Raider จะถูกส่งไปประจำการในฐานทัพอากาศของสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรทั่วโลก

ปัจจุบันกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกามีเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ประจำการอยู่หลายรุ่นด้วยกัน เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 Strotofortress ประจำการในกองทัพสหรัฐอเมริกามานานกว่า 70 ปี เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง B-1 Lancer ประจำการในกองทัพสหรัฐอเมริกามานานกว่า 50 ปี เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ล่องหน B-2 Spirit ประจำการในกองทัพสหรัฐอเมริกามานานกว่า 30 ปี โดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาจะเริ่มทยอยนำเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ล่องหน B-21 Raider เข้าประจำการทดแทนในปี 2027 และมันจะทำหน้าที่ปกป้องน่านฟ้าของประเทศสหรัฐอเมริกาไปอีกอย่างน้อยประมาณ 50 ปี

แหล่งที่มา newatlas.com , northropgrumman.com