TNN มาแน่ไหม! Apple ลือหึ่ง ซุ่มทำมือถือจอพับได้เตรียมเปิดขายปี 2023

TNN

Tech

มาแน่ไหม! Apple ลือหึ่ง ซุ่มทำมือถือจอพับได้เตรียมเปิดขายปี 2023

มาแน่ไหม! Apple ลือหึ่ง ซุ่มทำมือถือจอพับได้เตรียมเปิดขายปี 2023

นักวิเคราะห์คาดว่า Apple จะสามารถจัดส่งได้ถึง 20 ล้านเครื่องในปีแรก

ข่าวลือเกี่ยวกับ Apple จอพับได้เคยออกมาให้เราได้ตื่นเต้นกันไปสักพักแล้ว และล่าสุดมีข่าวลือที่น่าเชื่อถือออกมากระตุ้นความสนใจของพวกเรากันมากขึ้น โดยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ชื่อว่า Ming-Chi Kuo ได้ให้ข่าวกับนักลงทุนถึงข่าวความเป็นไปได้ของ Apple มีแผนที่จะเปิดตัว iPhone แบบพับได้ขนาด 8 นิ้วภายในปี 2023 ที่จะถึงนี้ และจากรายงานการสำรวจคาดการณ์ว่า Apple มีแผนจะวางจำหน่ายมือถือจอพับได้นี้เริ่มต้นที่ 15-20 ล้านเครื่อง ภายในปี 2023

มาแน่ไหม! Apple ลือหึ่ง ซุ่มทำมือถือจอพับได้เตรียมเปิดขายปี 2023

Ming-Chi Kuo เคยให้ข่าวถึงความเป็นไปได้ของ iPhone แบบพับได้ไปแล้วในเดือนมีนาคม แต่ข้อมูลเมื่อเร็ว ๆ นี้ของเขาได้เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับซัพพลายเออร์มากขึ้น โดยเบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าวัสดุจอ OLED แบบยืดหยุ่น QHD + จะใช้ของ Samsung Display ในขณะที่ตัวควบคุมการแสดงผล DDI จะใช้ของ Samsung Foundry นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า Apple อาจจะใช้เทคโนโลยีสัมผัสนาโนซิลเวอร์ (silver nanowire touch tech ) ที่จัดหาโดย TPK เพราะมีข้อดีหลายประการที่เหนือกว่าเทคโนโลยี Y-Octa ของ Samsung นั่นเอง


อย่างไรก็ตามรายงานล่าสุดที่ออกมาก็ยังเป็นเพียงการคาดเดาสถานการณ์เท่านั้น พวกเราจึงไม่ต้องรีบเก็บเงินเตรียมรอไอโฟนจอพับได้ในเร็ว ๆ นี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามรายละเอียดอื่น ๆ ที่ออกมาด้วยนั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือเป็นพิเศษ โดย Ming-Chi Kuo คาดว่า Oppo, Vivo, Xiaomi และ Honor จะเปิดตัวมือถือรุ่นพับได้รุ่นใหม่ในปลายปี 2021 หรือต้นปี 2022 และหากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนดีขึ้น ก็อาจจะมียอดการจัดส่งเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านชิ้นภายในปี 2023 เลยทีเดียว

มาแน่ไหม! Apple ลือหึ่ง ซุ่มทำมือถือจอพับได้เตรียมเปิดขายปี 2023

และหากสิ่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เป็นจริง โทรศัพท์แบบพับได้อาจจะกลายเป็นจุดขายใหม่ของนวัตกรรมไฮเอนด์ ซึ่งแน่นอนว่า Apple ก็ย่อมต้องการที่จะเตรียมโมเดลของตัวเองให้พร้อมกับกระแสที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหากผลตอบรับจากผู้บริโภคไม่ดี Apple ก็อาจล้มโครงการดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงยังต้องจับตาดูกันต่อไปในอีก 2 ปีข้างหน้า


ขอบคุณข้อมูลจาก

engadget

ข่าวแนะนำ