TikTok ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการขายธุรกิจในสหรัฐฯ ว่าเป็น "เรื่องแต่ง"

สถานการณ์ของ TikTok ในสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีข่าวลือว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาขายธุรกิจของ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับ Elon Musk เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นเรื่องความกังวลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ และการถูกแบนตามกฎหมายท้องถิ่นของสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาสำนักข่าว BBC รายงานว่า Tiktok ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Bloomberg ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาทางเลือกในการขายธุรกิจในสหรัฐฯ ให้กับ อีลอน มักส์ (Elon Musk) หากศาลสูงสหรัฐฯ ยืนยันคำสั่งห้ามใช้งานแอปพลิเคชั่น โดยมีเงื่อนไขว่าจะขายธุรกิจในสหรัฐฯ หรือเผชิญกับคำสั่งห้ามใช้งานในประเทศให้กับ TikTok และต้องตัดสินใจภายในวันที่ 19 มกราคม นี้ ก่อนที่ Elon Musk กำลังจะเข้ารับตำแหน่งใหม่ในทีมของ ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ซึ่งมีกำหนดเข้าสู่ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคม นี้ 

ข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในแหล่งหนึ่งว่า หนึ่งในสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานจีนกำลังพิจารณาอยู่คือ การให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ของ Musk เข้าควบคุมธุรกิจของ TikTok ในสหรัฐฯ ซึ่งจากรายงานของ BBC ระบุว่ามีการส่งคำถามไปยัง บริษัท  X แต่ยังไม่ได้ตอบ

เท้าความจากสถานการณ์จากเดือนที่ผ่านมา มีการยื่นเรื่องขอศาล สหรัฐฯ ให้มีการเลื่อนการตัดสินใจออกไปจนกว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งการขอนี้มีเหตุผลเพื่อการแก้ปัญหาทางการเมือง ระหว่างการพิจารณาของศาลสูงสหรัฐฯ (Supreme Court) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาแสดงความเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนกฎหมาย และยึดตามกำหนดเวลา แม้ว่าในวันจันทร์ที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ สองคนได้เรียกร้องให้รัฐสภาและประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) เลื่อนกำหนดเวลา 19 มกราคมนี้ ออกไป 

จากข้อมูลปัจจุบัน รัฐบาลโจ ไบเดน (Joe Biden) ได้มีการแสดงความเห็นเชิงโต้แย้งต่อสาธารณะว่า หากไม่มีการขาย TikTok สหรัฐฯ อาจถูกจีนใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมและแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งในทางกลับกัน ทาง Tiktok ผู้ที่ปฏิเสธอิทธิพลจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาโดยตลอด ระบุว่า กฎหมายในการสั่งห้ามใช้งานในสหรัฐฯ ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพูดของผู้ใช้ตามรัฐธรรมนูญ

ข่าวลือนี้สร้างความสนใจอย่างมากในวงการเทคโนโลยีและการเมือง โดยมีหลายฝ่ายให้ความสนใจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เป็นที่น่าจับตามองว่าผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้ง ผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐ หรือไม่ และจะมีนโยบายเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯในการแก้ไขประเด็นปัญหานี้อย่างไรบ้าง

แหล่งข้อมูล: BBC