อินโดนีเซียสั่งแบนสมาร์ตโฟน Google Pixel หลังจากแบน iPhone 16 เมื่อต้นสัปดาห์
อินโดนีเซียสั่งแบนสมาร์ตโฟน Google Pixel เนื่องจากบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมายภายในประเทศอินโดนีเซีย หลังจากแบน iPhone 16 เมื่อต้นสัปดาห์
วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดนีเซียสั่งห้ามจำหน่ายสมาร์ตโฟน Google Pixel ของบริษัท Google เนื่องจากบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมายภายในประเทศอินโดนีเซีย การแบนครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากสั่งห้ามจำหน่าย iPhone 16 ของบริษัท Apple ทั้งนี้ อินโดนีเซียถือเป็นตลาดสมาร์ตโฟนขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ข้อกำหนดด้านกฎหมาย และนโยบายที่เกี่ยวข้องมีขึ้นเพื่อความยุติธรรมสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายโครงสร้างอุตสาหกรรมที่นี่” เฟบรี เฮนดรี อันโตนี อารีฟ (Febri Hendri Antoni Arief) โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย เปิดเผยกับสื่อในอินโดนีเซียว่า Google ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอินโดนีเซียก่อนจึงจะกลับมาขายได้อีกครั้ง
การแบนสมาร์ตโฟน Google Pixel ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่อินโดนีเซียสั่งห้าม จำหน่ายสมาร์ตโฟน iPhone 16 เมื่อต้นสัปดาห์ หลังจากบริษัท Apple ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาการลงทุนมูลค่า 109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,697 ล้านบาท ในอินโดนีเซีย ซึ่งกำหนดให้บริษัท Apple ลงทุนผลิตอุปกรณ์ พัฒนาเฟิร์มแวร์ หรือลงทุนในนวัตกรรม ในประเทศอินโดนีเซีย
กฎหมายของอินโดนีเซียกำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีต่างประเทศต้องจัดหาชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตในประเทศร้อยละ 40 โดยข้อกำหนดนี้สามารถปฏิบัติตามได้ผ่านการผลิตในประเทศ การพัฒนาเฟิร์มแวร์ หรือการลงทุนโดยตรงในโครงการนวัตกรรมใหม่ ๆ
ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บริษัท Samsung และบริษัท Xiaomi ที่ได้จัดตั้งโรงงานผลิตขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ Apple เลือกที่จะเปิดสถาบันสำหรับนักพัฒนา กฎระเบียบดังกล่าวซึ่งถูกบังคับใช้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย เพื่อยกระดับตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ภายในประเทศ และพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว บริษัทที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเกณฑ์เหล่านี้จะต้องเผชิญข้อจำกัดด้านการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศอินโดนีเซีย
ที่มาของข้อมูล Techcrunch
ที่มาของภาพ Pixabay, Google
ข่าวแนะนำ