บังเกอร์นาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกปรับปรุงเป็นสวนในเมืองสุดทันสมัย
บังเกอร์เซนต์พอลี (St. Pauli) ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกปรับปรุงเป็นสวนใหม่เมืองที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ และในอาคารยังมีศูนย์รำลึกถึงเหยื่อของระบอบนาซีและเหยื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
บังเกอร์เซนต์พอลี (St. Pauli) ในนครรัฐฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนีสร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อป้องกันชาวเมืองฮัมบูร์กจากการโจมตีด้วยระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นสัญลักษณ์ของอุดมการณ์นาซี (พรรคการเมืองของเยอรมนีในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เป็นผู้นำพรรค) แต่ปัจจุบันบังเกอร์แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ กลายเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และสวนสาธารณะ
บังเกอร์เซนต์พอลี เดิมทีรู้จักกันในชื่อเดิมว่า "แฟลกทวร์ม IV" (Flakturm IV) เป็นที่พักพิงขนาดใหญ่เหนือพื้นดิน ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1942 บังเกอร์แห่งนี้มีความกว้างและความยาวด้านละ 75 เมตร สูง 35 เมตร มีกำแพงหนา 3.5 เมตร มีความจุอย่างเป็นทางการ สามารถรองรับคนได้มากถึง 18,000 คน แต่เมื่อใช้งานจริง ๆ มีชาวเมืองฮัมบูร์กเข้าไปหลบซ่อนในบังเกอร์นี้ประมาณ 25,000 คนในแต่ละครั้ง
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง ฝ่ายสัมพันธมิตรได้วางแผนที่จะระเบิดบังเกอร์แห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในแผนการกำจัดนาซี แต่เนื่องจากบังเกอร์เป็นโครงสร้างที่มีกำแพงหนา และตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงอาจไม่ปลอดภัยหากทำการระเบิด
ทั้งนี้บังเกอร์เซนต์พอลี ตั้งติดอยู่กับย่านฮัมบูร์กซึ่งเป็นย่านที่พลุกพล่าน ดังนั้นหลังจากสงครามจบสิ้น มันจึงถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ แทน ทั้งเป็นที่แสดงผลงานศิลปะและวัฒนธรรม เป็นสถานที่แสดงดนตรีและศูนย์จัดงานต่าง ๆ และปัจจุบันบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติเยอรมันอย่าง มัทเซน อิมโมบิเลียน เคจี (Matzen Immobilien KG) ได้ดำเนินการปรับปรุงบังเกอร์เซนต์พอลีด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 3,800 ล้านบาท โดยได้ต่อเติมส่วนขยายเข้าไปบริเวณด้านบนของบังเกอร์ เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักเทียบเท่ากับเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 60 ลำ หรือประมาณ 33,600 ตัน ค้ำยันด้วยเสาเหล็กขนาดใหญ่ 16 ต้น ส่วนขยายที่ถูกต่อเติมเข้าไปนี้ทำให้อาคารมีชั้นเพิ่มขึ้นมา 5 ชั้น ความสูงเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน 35 เมตรเป็น 58 เมตรเหนือพื้นดิน
ทั้งนี้ยังมีการปลูกต้นไม้และพืชประมาณ 23,000 ต้นบนบังเกอร์ พืชที่ปลูกได้แก่ไม้ผล พุ่มไม้ ต้นสน เมเปิล ไม้เลื้อยและกุหลาบ ต้นไม้ขนาดใหญ่จะได้รับการยึดอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันลมกระโชกแรงจนหักโค่น ทำให้เกิดสวนบนดาดฟ้าขนาด 2.5 เอเคอร์ หรือประมาณ 6.33 ไร่ ซึ่งส่วนนี้ผู้เข้าชมสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่หากต้องการเข้าชมจะต้องเดินขึ้นบันได 335 ขั้น หรือเดินไปตามเส้นทางจำลองทางเดินภูเขาที่มีความคดเคี้ยวยาว 560 เมตร แต่สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดิน อาคารก็มีลิฟต์ไว้คอยบริการ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบน้ำและการระบายน้ำแบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อจัดการการไหลของน้ำฝน
ภายในอาคารนี้จะมีโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และพื้นที่ส่วนกลาง โดยบริษัท Matzen Immobilien KG กล่าวว่า “พื้นที่นันทนาการของอาคาร ผสมผสานแง่มุมทางนิเวศวิทยา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์หลายอย่างเข้าด้วยกัน นอกจากจะเป็นพื้นที่สวนในเมืองที่งดงามแล้ว มันยังมีพื้นที่จัดนิทรรศการ สิ่งอำนวยความสะดวก ห้องโถง 3 ห้องที่ทันสมัยสำหรับการเล่นกีฬาของโรงเรียนและจัดกิจกรรม โรงแรม นอกจากนี้สถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังมีศูนย์อนุสรณ์ ศูนย์ข้อมูล และมีศูนย์รำลึกถึงเหยื่อของระบอบนาซีและเหยื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย”
ที่มาข้อมูล NewAtlas, Bunker-stpauli
ที่มารูปภาพ Bunker-stpauli
ข่าวแนะนำ