TNN บุกฟาร์ม “ไข่ผำ” พืชจิ๋วอาหารแห่งอนาคต | TNN Tech Reports

TNN

Tech

บุกฟาร์ม “ไข่ผำ” พืชจิ๋วอาหารแห่งอนาคต | TNN Tech Reports

บุกฟาร์ม “ไข่ผำ” พืชจิ๋วอาหารแห่งอนาคต | TNN Tech Reports

พาไปรู้จักให้มากขึ้นกับ “ไข่ผำ” หนึ่งในแพลนเบสต์ที่มีสารอาหารสูงมากระดับซูเปอร์ฟู้ด ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับคนที่รักสุขภาพทั้งตลาดเมืองไทยและเมืองนอก



“ไข่ผำ” คืออะไร 


“ไข่ผำ” คือพืชน้ำชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมาก ๆ แต่ได้รับสมญานามว่าเป็นอาหารระดับ Super Food หรือสุดยอดอาหารแห่งอนาคต ในบทความนี้ TNN Tech จะพาทุกคนไปทำความรู้จักไข่ผำให้มากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการผลิตต่าง ๆ ไปจนถึงวิธีการทำไข่ผำที่มีคุณภาพออกมา โดยได้ไปบุกถึงฟาร์มเลี้ยงไข่ผำ Flo Woffia


Flo Woffia เป็นบริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย 2 นักวิชาการ อย่าง ผศ.ดร. เมธา มีแต้ม และ ผศ.ดร. วิษุวัต สงนวล โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ มีชาวต่างชาติเดินมาบอกว่า ไข่ผำเป็นพืชของไทยที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก จึงจุดประกายให้เริ่มต้นทำ เพื่อไม่ให้พืชจิ๋วโปรตีนสูงนี้ ถูกจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชโดยประเทศอื่น


ผศ.ดร. วิษุวัต เล่าว่า “ไข่ผำ” จริง ๆ แล้วเป็นพืชท้องถิ่นของคนไทย ที่คนไทยนำมารับประทานนานแล้ว และด้วยคุณค่าทางอาหารที่สูงมาก ทำให้มันถูกเรียกว่าเป็น Super Food เบอร์ต้น ๆ ของโลก 


เพราะในไข่ผำนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่สูงมากถึง 40% ของน้ำหนักแห้ง ซึ่งสูงกว่าถั่วเหลืองถึง 2 เท่า แถมยังเต็มไปด้วยวิตามินเอและวิตามินบี 12 โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ถือเป็นวิตามินที่ไม่มีอยู่ในพืชชนิดอื่น และเป็นวิตามินที่คนรับประทานแพลนต์เบส (Plant Base) หรือมังสวิรัติ (Vegan) ต้องการเป็นพิเศษ เพราะมันช่วยให้พวกเขาได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน


ข้อมูลทั่วไปของ “ไข่ผำ”


ไข่ผำยังเป็นพืชที่โตเร็วที่สุดในโลก ใช้เวลาเพียง 3 วันถึง 7 วัน มันสามารถโตออกมาได้มากเป็น 2 เท่า และเป็นพืชที่ดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็น 3 เท่าของผืนป่าในพื้นที่ ๆ ที่เท่ากัน แต่ปัจจุบันแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีความสะอาดลดลง ทำให้ไข่ผำตามธรรมชาติอาจจะเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อน ไม่เหมาะนำมารับประทาน  


ไข่ผำเป็นพืชไม่มีราก มีกิ่งก้านเหมือนพืชทั่วไป รสจืด ไม่มีกลิ่น ลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีเขียว ทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1 - 0.2 มิลลิเมตร สามารถขึ้นเองตามแหล่งน้ำธรรมชาติ พบมากในแถบภาคอีสานและภาคเหนือ ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าไข่ผำสด 100 กรัม มีโปรตีน 0.6 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 1.5 กรัม, แคมเซียม 59 กรัม, ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่ รวมถึงมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย 


การเลี้ยง “ไข่ผำ” ของ Flo Woffia


ฟาร์มของ Flo Woffia เป็นฟาร์มไข่ผำที่มีกระบวนการตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยเพื่อหาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง โภชนาการครบถ้วน ต้นไข่ผำสุขภาพดี ทนต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ รวมถึงมีการวิจัยคุณภาพน้ำในการเลี้ยงไปพร้อม ๆ กัน ฟาร์มที่นี่มีมาตรการด้านความสะอาดอยู่ในระดับสูง ก่อนเข้าโรงเรือนจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่หมวก ถุงมือ รองเท้าอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก รวมถึงไข่แมลงที่อาจจะติดมากับรองเท้า เข้าไปภายในโรงเรือนได้ 


ไข่ผำเป็นพืชน้ำ น้ำจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อการเลี่ยงไข่ผัน ซึ่งที่ Flo Woffia ได้จำลองสภาวะน้ำที่ไข่ผันโตตามธรรมชาติมาไว้ในโรงเรือนเลย ทำให้นอกจากจะเลี้ยงไข่ผำให้โตแบบตามธรรมชาติแล้ว ยังสามารถปกป้องไข่ผำจากพวกแมลงไปได้พร้อม ๆ กัน


ซึ่งการจำลองสภาวะน้ำของ Flo Woffia เกิดขึ้นได้จากการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่มีความแม่นยำสูง สามารถรู้สภาพน้ำได้ตลอดเวลา มีเครื่องมือที่คอยมอนิเตอร์แบบอัตโนมัติผ่านระบบ Internet of Things (IoT) สามารถดูได้ว่าน้ำวันนี้คุณภาพเป็นอย่างไร สภาพอากาศเป็นอย่างไร โดยบ่อน้ำแต่ละบ่อจะมีการตรวจทุกสัปดาห์ เพื่อตรวจเช็คเชื้อในบ่อ ซึ่งถ้าเกิดเชื้อขึ้น จะต้องปิดล้างบ่อ และควบคุมให้สภาพกลับไปอยู่ในระดับเกณฑ์มาตรฐานอาหารอีกครั้ง


หนึ่งในข้อดีของการเลี้ยงไข่ผำ คือมันเป็นพืชที่ไม่มีศัตรูพืช เลยไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลง เพียงแต่ว่าการเลี้ยงไข่ผำให้ได้คุณภาพดี จำเป็นจะต้องไม่มีสาหร่ายเกิดขึ้น ซึ่งนั่นถือเป็นส่วนยากที่สุดในการเลี้ยงไข่ผำ


ซึ่งนอกจากระบบบำบัดเสียแล้ว ภายในฟาร์มของ Flo Woffia ยังใช้จอกแหนหรือพืชน้ำชนิดอื่น ๆ ในการช่วยบำบัด


การเก็บเกี่ยวพืชจิ๋ว “ไข่ผำ”


หลังจากที่ใช้เวลาในบ่อราว 3-7 วัน ไข่ผำจะถูกเก็บเกี่ยวตามออเดอร์คำสั่งซื้อ ซึ่งขั้นตอนต่อไป จะต้องนำไข่ผำไปชำระล้างเอาสิ่งสกปรกออก ซึ่งที่นี่มีเครื่องในการทำความสะอาด และออกแบบมาโดยเฉพาะ ออกแบบมาพิเศษ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เป็นเครื่องแรกของประเทศ และคาดว่าเป็นเครื่องแรกของโลกอีกด้วย 


ตัวเครื่องจะเริ่มทำงานเมื่อวัตถุดิบเข้ามา โดยจะแบ่งออกเป็นโซน ๆ โดยในโซนแรก หรือบ่อแรกจะมีลักษณะคล้ายกับสปา มีน้ำวน น้ำฉีด น้ำล้างให้สะอาดเอี่ยม หลังจากนั้นเมื่อสะอาดแล้วก็จะไหลลงสายพาน เลื่อนไปยังโซนี่สอง เพื่อให้ชั้นกรองเอาสิ่งปนเปื้อนออก  หลังจากนั้นจะไปยังโซนที่สาม หรือโซนแช่น้ำยาลดเชื้อ ให้ไข่ผำได้คุณภาพตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) คือ หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต หรือเป็นเครื่องหมายในการรับรองคุณภาพการผลิตของผู้ผลิต หลังจากนั้นก็จะถูกลำเลียงไปยังโซนสุดท้ายเพื่อสะบัดน้ำออก ซึ่งเป็นเครื่องของการปั่นเหวี่ยงพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเช่นกัน จากนั้นส่งไข่ผำทั้งหมดจะถูกส่งไปห้องบรรจุ


การเช็กมาตรฐาน “ไข่ผำ” ก่อนออกสู่ท้องตลาด


ในแง่ของความสะอาดของตัวไข่ผำ ก่อนที่จะส่งไปแปรรูปหรือจำหน่ายทั้งหมดจะมีการตรวจคุณภาพสินค้า (QC) หลังจากนั้นพอได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จแล้ว ก็จะมีการสุ่มตรวจอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีการปนเปื้อนหลงเหลืออีกหรือไม่ โดยจะตรวจสอบจากสายตาของคนจริง ๆ รวมไปถึงส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ เพื่อดูแบบละเอียดอีกครั้ง


ทั้งนี้ การสุ่มตรวจดังกล่าวจะเกิดขึ้นในทุกวัน ในทุกสัปดาห์และในทุก ๆ เดือน นอกจากนี้ยังมีการส่งให้แล็บข้างนอกที่มีใบการันตีมาตรวจสอบให้อีกด้วย


ใครรับประทาน “ไข่ผำ” ได้บ้าง


ไข่ผำเป็นพืชที่มีรสชาติค่อนข้างจืด มันสามารถเอาไปทำอาหารอะไรก็ได้ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะนำไปทำแกงคั่ว ยำ ห่อหมก หรือจะเอาไปทำอาหารต่างชาติก็ทำได้ กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่


ไข่ผำสามารถเปลี่ยนให้อาหารทั่วไป กลายไปเป็นอาหาร Super Food ได้ทันที โดยไข่ผำ 1 ช้อน เท่ากับสลัด 1 จานใหญ่ ๆ สามารถนำไปใส่กินกับเครื่องดื่มได้ จะปั่นก็ดี หรือเป็นผงก็ได้ โดยเมื่อเป็นผง มันจะมีลักษณะคล้ายกับชาเขียวมัทฉะ


ไข่ผำเป็นพืชที่เด็กเล็กสามารถรับประทานได้ โดยสามารถทานได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เป็นอาหารที่เหมาะกับเด็ก เพราะเด็กไม่ชอบทานผัก ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ให้ Flo Woffia หันมาเลี้ยงไข่ผำ สำหรับผู้สูงอายุก็สามารถที่จะทานสิ่งนี้ได้เช่นเดียวกัน 

ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวแนะนำ