2 in 1 ! นาฬิกาพร้อมที่เปิดขวดในตัว เรือนแรกของโลก
บริษัทออกแบบ “RASKH” จากฮ่องกง นำเสนอ “เลเวอเรจ” (Leverage) นาฬิกา 2 in 1 ! พร้อมที่เปิดขวดในตัว เรือนแรกของโลก
บริษัทออกแบบ “RASKH” จากฮ่องกง นำเสนอ “เลเวอเรจ” (Leverage) คอลเลกชันนาฬิกาที่สามารถเปิดขวดได้ครั้งแรกของโลก การผสมผสานที่ไม่เหมือนใครนี้เกิดขึ้นจากการออกแบบให้ผู้สวมใส่สามารถหมุนเม็ดมะยมที่ตําแหน่งแปดนาฬิกาของนาฬิกา ซึ่งจะทำให้กลไกดันตัวเรือนด้านในขึ้นและเผยให้เห็นที่เปิดขวดที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง เมื่อเปิดขวดฝาแล้วผู้ใส่เพียงแค่ดันหน้าปัดกลับก็จะกลายเป็นนาฬิกาดังเดิม
กลไกดังกล่าวซึ่งที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนี้อาจทำนาฬิกาคอลเลกชัน Leverage ดูมีขนาดใหญ่เพราะจำเป็นที่จะต้องสร้างตัวเรือนพร้อมกรอบห่อหุ้มเพื่อซ่อนที่เปิดขวดไว้ด้านหลังนาฬิกา โดยเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือนอยู่ที่ 44 มิลลิเมตร และความหนาของตัวเรือนอยู่ที่ 13.8 มิลลิเมตร ขณะที่ภายในใช้เครื่องนาฬิกาออโตเมติก Miyota ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานจากญี่ปุ่น
ที่เปิดขวดในตัวเป็นเพียงหนึ่งในคุณสมบัติเด่นของนาฬิกาคอลเลกชันที่ไม่ซ้ำใครจาก RASKH เพราะมันยังโดดเด่นในความมืดด้วยเข็มนาฬิกาและพรายน้ำเรืองแสงสีน้ําเงินนีออนโทนเย็นจากสีเรืองแสง 'Swiss Super-LumiNova' ขณะที่ดัชนี ต่าง ๆ บนหน้าปัดมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อที่ว่าผู้สวมใส่จะสามารถอ่านเวลาในที่มืดได้สบายตามากขึ้น
RASKH ยังกล่าวอีกว่าบริษัทเลือกใช้หนังแท้คุณภาพในการทำสายนาฬิกา ซึ่งมีรายละเอียดการเย็บตามขอบแบบคลาสสิกตามเพื่อความสวยงาม โดยมีให้เลือก 3 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ น้ําตาล เทา และดํา RASKH ยังเพิ่มกลไกปลดสายนาฬิการะบบสปริงบาร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนสายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทุกเมื่อที่ต้องการ
อย่างไรก็ดี นาฬิกาคอลเลกชัน Leverage ของ RASKH นั้นสามารถกันน้ําได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น โดยผู้สวมใส่สามารถใส่นาฬิกาในบริเวณที่มีความชื้นสูงและฝนตกได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสวมนาฬิกาขณะอาบน้ํา ว่ายน้ํา ดําน้ํา หรือระหว่างกิจกรรมที่มีแรงดันน้ําผิดปกติ ส่วนบรรจุภัณฑ์ของนาฬิกา RASKH กล่าวว่าสามารถนำไปรีไซเคิลและใช้ซ้ำได้ถึง 80 %
สำหรับผู้ที่สนใจ นาฬิกาคอลเลกชัน Leverage ปัจจุบัน ได้ RASKH เปิดให้ผู้ที่สนใจร่วมระดมทุนบนเว็บไซต์คิกสตาร์ทเตอร์ (Kickstarter) โดยมีด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ Daily Blue, Ethereal White และ Retro Beige ซึ่งทั้งหมดมีราคาหลังจากจบแคมเปญระดมทุนจะอยู่ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18,333 บาท นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษ “Blackout” ซึ่งมีราคา 529 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 19,435 บาท การเปิดระดมทุนจะสิ้นสุดในวันที่ 11 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ด้าน RASKH ตั้งเป้าที่จะเข้าสู่การผลิตในเดือนสิงหาคม 2024 และคาดว่าจะส่งมอบในเดือนมกราคม 2025
ที่มาของข้อมูล Designboom
ข่าวแนะนำ