จักรยานไฟฟ้าพูดได้ ! ที่รวมเข้ากับ ChatGPT รุ่นแรกของโลก

แรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริง ๆ กับแชตจีพีที (ChatGPT) แชตบอตตอบคำถามสุดอัจฉริยะ ล่าสุดยัวโทเปีย (Urtopia) สตาร์ตอัปจากฮ่องกง ได้เปิดตัวจักรยานไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ผสานการทำงานของเอไอ (AI) อย่างแชตจีพีทีเข้าไปกับระบบสั่งการด้วยเสียง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes Benz) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมันที่ได้มีการผสานแชตจีพีทีเข้ากับระบบมัลติมีเดียประสบการณ์ผู้ใช้เมอร์เซเดส-เบนซ์ (MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience)

จักรยานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแชตจีพีที (ChatGPT) 

ตรงกลางแฮนด์จักรยานมีหน้าจอเล็ก ๆ พร้อมไมค์และลำโพงในตัว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานเอไอได้ด้วยเสียง คล้ายกับการสั่งงานสิริ (Siri) ของแอปเปิล (Apple) ซึ่งมีการผสานแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไว้กับตัวจักรยาน เช่น การเชื่อมต่อกับแอปเปิล เฮลท์ (Apple Health) โดยผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างปั่นจักรยานบนหน้าจอของจักรยานได้ ซึ่งอาศัยเซนเซอร์การตรวจจับของนาฬิกาแอปเปิล วอทช์ (Apple Watch)

นอกจากนี้ ตัวจักรยานยังเชื่อมกับสตราวา (Strava) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มติดตามการออกกำลังกายที่ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันข้อมูลกับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มคนอื่น ๆ ได้ 

ส่วนฟีเชอร์อื่น ๆ ก็มาเต็มไม่แพ้กัน เช่น มีจีพีเอส (GPS) ในตัว, ระบบล็อคป้องกันการโจรกรรมเพิ่มความความปลอดภัยในการขับขี่ รวมไปถึงวางแผนการเดินทางที่มีจุดแวะพักหลายแห่ง แจ้งสภาพอากาศและสภาพภูมิศาสตร์ได้ด้วย

จักรยานไฟฟ้ารุ่นนี้ได้รับการขนานนามว่า "ไอโฟนในรูปแบบจักรยานไฟฟ้า (iPhone in e-bike)" 

โดยตัวจักรยานทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ส่งผลให้มันมีน้ำหนักไม่ถึง 20 กิโลกรัม และได้รับการออกแบบให้รองรับกับทุกพื้นถนน ซึ่งมันได้รับการขนานนามจากฮาร์ทมุท เอสลิงเงอร์ (Hartmut Esslinger) นักออกแบบและนักประดิษฐ์อุตสาหกรรมชาวเยอรมัน-อเมริกันว่าเป็น “ไอโฟนในรูปแบบจักรยานไฟฟ้า (iPhone in e-bike)”

อย่างไรก็ตาม การโต้ตอบด้วยเสียงของเอไอยังมีเสียงที่คล้ายกับหุ่นยนต์ ซึ่งบริษัทผู้พัฒนาได้อ้างว่าหากมีผู้ใช้งานมากขึ้น บริษัทจะสามารถปรับปรุงการโต้ตอบของเอไอให้สมจริงได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ยังไม่มีเปิดเผยราคาและวันจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าจักรยานรุ่นนี้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น Carbon 1 e-bike ที่ Urtopia วางขายอยู่ที่ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 120,000 บาท  

ข้อมูลและภาพจาก EINPRESSWIRE