TNN สภาสหรัฐฯ​ ซักฟอกผู้นำ TikTok อย่างหนัก หวั่นมีเอี่ยวรัฐบาลจีน-ส่งผลลบต่อเยาวชน

TNN

Tech

สภาสหรัฐฯ​ ซักฟอกผู้นำ TikTok อย่างหนัก หวั่นมีเอี่ยวรัฐบาลจีน-ส่งผลลบต่อเยาวชน

สภาสหรัฐฯ​ ซักฟอกผู้นำ TikTok อย่างหนัก หวั่นมีเอี่ยวรัฐบาลจีน-ส่งผลลบต่อเยาวชน

ส.ส. ของสหรัฐฯ หลายต่อหลายคนได้เปิดมหกรรมซักฟอกซีอีโอของ ติ๊กต็อก (TikTok) เว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอชื่อดัง ในหลากหลายประเด็น

ส.ส. ของสหรัฐฯ หลายต่อหลายคนได้เปิดมหกรรมซักฟอกซีอีโอของ ติ๊กต็อก (TikTok) บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบวิดีโอสั้นชื่อดัง ต่อหน้าสภาคองเกรส หรือรัฐสภาสหรัฐ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนอาจมีอิทธิพลต่อแพลตฟอร์มดังกล่าว รวมถึงประเด็นด้านเนื้อหาต่าง ๆ ที่ส่งผลด้านลบกับเด็ก


โดยตลอดเวลากว่า 5 ชั่วโมง ในการให้ปากคำกับสภาคองเกรส โซว จื่อ โจว (Shou Zi Chew) CEO ของติ๊กต็อก ได้ให้การปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า TikTok ไม่ได้ส่งข้อมูลให้จีนและไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเขาเริ่มให้การ โดยอ้างถึงรากเหง้าความเป็นชาวสิงคโปร์ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษา TikTok ให้ปราศจากการชักใยจากรัฐบาลใด ๆ และพวกเขายังได้สร้างระบบปกป้องข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา ไม่ให้ต่างประเทศเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต 


ทั้งนี้ ในการซักฟอก บรรดา ส.ส. ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของแอปที่มีต่อเด็กในสหรัฐฯ อีกด้วย โดยกล่าวหาว่า TikTok ส่งเสริมเนื้อหาสร้างความผิดปกติในการกินของเด็ก และการขายยาผิดกฎหมาย และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ รวมถึงคอนเทนต์ที่ส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง ขณะที่หนึ่งในประเด็นสำคัญคือเรื่องความเป็นส่วนตัว โดยหนึ่งใน ส.ส. จากพรรครีพับลิกัน ได้เปิดเผยรายงานของสื่อสหรัฐฯ ว่าไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok ในจีนวางแผนใช้ TikTok เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของพลเมืองสหรัฐฯ โดยเฉพาะ 


สภาสหรัฐฯ​ ซักฟอกผู้นำ TikTok อย่างหนัก หวั่นมีเอี่ยวรัฐบาลจีน-ส่งผลลบต่อเยาวชน

ที่มาของรูปภาพ Reuters


แต่ทางด้านซีอีโอ TikTok ชี้แจงว่าพวกเขาได้ทุ่มเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 51,000 ล้านบาท ในโครงการรักษาความปลอดภัยข้อมูลชื่อโครงการว่า Project Texas ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในการตั้งค่าโปรแกรมจัดเก็บข้อมูลในสหรัฐอเมริกา ผ่านสัญญากับบริษัทออราเคิล (Oracle) ในรัฐเท็กซัส โดยโครงการนี้มีพนักงานดูแลเกือบ 1,500 คน อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หลายคนไม่พอใจกับคำตอบของทางฝั่ง TikTok มากนัก และมองว่าบริษัทไม่ได้แสดงความพยายามท่ีจะสร้างการปกป้องความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้มากพอ


สำหรับสถาบันวิจัยด้านสถิติ Pew Research Center ได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียของคนในสหรัฐอเมริกา พบว่าในปี 2021 อัตราผู้ใช้ติ๊กต็อกอยู่ที่อันดับ 8 จาก 8 อันดับ โดยอันดับ 1 เป็นยูทูบ (YouTube) อยู่ที่ 81% อันดับ 2 คือเฟซบุ๊ก (Facebook) อยู่ที่ 69% ส่วน TikTok มีอัตราผู้ใช้อยู่ที่ 21% แต่จำนวนนี้ก็แสดงยอดผู้ใช้ถึงหลัก 100 ล้านคน นั่นเอง


ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐ จะดำเนินการอย่างไรหลังจากการพิจารณาคดี และยังไม่มีการระบุว่า อีกนานแค่ไหนที่สภาจะผ่านกฎหมายเพื่อมอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนดำเนินการแบน ติ๊กต็อก ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศจีนในการแถลงข่าวเป็นการสามัญ โดยระบุว่า ไม่เคยขอให้บริษัทต่าง ๆ รวบรวมหรือให้ข้อมูลจากต่างประเทศแก่รัฐบาลจีนในลักษณะที่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่น และกรณีของ TikTok สหรัฐฯ ถือว่า เป็นการด่วนสรุปว่าติ๊กต็อกมีความผิด และยังเป็นการปราบปรามบริษัทอย่างไม่มีเหตุผล 


อย่างไรก็ตาม การที่ซีอีโอของติ๊กต็อก ได้มาอภิปรายต่อหน้าสภาคองเกรสไม่ได้ช่วยบรรเทาความกังวลของสหรัฐฯ ที่มีต่อ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ในจีน และยังไม่ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐล้มเลิกความคิดที่จะแบนแพลตฟอร์มแห่งนี้ในทุกรัฐทั่วประเทศแต่อย่างใดอีกด้วย นอกเสียจากว่า TikTok จะแยกตัวออกจากไบต์แดนซ์เป็นที่เด็ดขาดนั่นเอง


ที่มาของข้อมูล Reuters

ที่มาของรูปภาพ Reuters




ข่าวแนะนำ