แก๊ง “ขโมยไอโฟน” แอบมองรหัสผ่าน-หลอกดูดเงินระบาดหนักในสหรัฐฯ

แก๊งขโมยไอโฟน แอบมองรหัสผ่าน หลอกดูดเงินระบาดหนักในสหรัฐฯ โฆษกเตือนป้องกันโดนหลอกดูดเงินด้วยการตั้งรหัสผ่านปลดล็อกเครื่องแบบ Face ID หรือ Touch ID กันแก๊งหลอกดูดเงินเข้าถึงแอปธนาคาร

เตือนภัยคนใช้สมาร์ตโฟน โดยเฉพาะไอโฟน ต้องระวังตัวกันหน่อย หลังมีรายงานว่าในสหรัฐอเมริกากำลังเจอแก๊งมิจฉาชีพหลอกดูดเงิน ที่ทำงานกันเป็นทีม ตั้งแต่แอบมองตอนเรากดรหัสผ่าน ขโมยมือถือ จนถึงเอามือถือไปสั่งโอนเงินออกจากบัญชีเหยื่อ ซึ่งแก๊งนี้กำลังระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา

ภาพจากรอยเตอร์

ข้อมูลจาก เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal) หนังสือพิมพ์การเงินรายวันชั้นนำ รายงานว่า แก๊งมิจฉาชีพ จะแอบดูหรือถ่ายคลิปตอนเรากดรหัสปลดล็อกเครื่องก่อน จากนั้นค่อยฉวยโอกาสขโมยมือถือไป หรือบางทีก็ใช้อาวุธจี้เอามือถือ พร้อมให้เราบอกรหัสผ่านตรง ๆ เมื่อได้มาแล้ว ก็จะเอารหัสผ่านปลดล็อกเครื่องไปรีเซ็ตรหัสผ่าน Apple ID ของเหยื่อ เพื่อเปลี่ยนอีเมลสำรองไม่ให้เราเข้าถึงเครื่องได้ และปิดฟีเชอร์ Find my iPhone ป้องกันไม่ให้เจ้าของเครื่องติดตาม หรือล้างข้อมูลจากระยะไกลได้

ซึ่งถ้าแก๊งมิจฉาชีพปลดล็อกรหัสผ่านเข้าเครื่อง และรีเซ็ตการตั้งค่าอื่น ๆ ในเครื่องได้แล้ว ก็มีโอกาสสูง ที่จะปลดล็อกการเข้าถึงรหัสผ่านอื่น ๆ ที่เราจัดเก็บไว้ในมือถือได้ด้วย ทำให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและบริการทางการเงิน เช่น Apple Pay และแอปพลิเคชันธนาคารได้ นอกจากนี้ เหยื่อบางรายยังโดนโจรตัวแสบ แอบเปิดบริการ Apple Card ซึ่งเป็นบริการบัตรเครดิตดิจิทัลของ Apple และโดนรูดเงินไปหลายแสน โดยได้รหัสหมายเลขประกันสังคมของเหยื่อมาใช้เปิดบัตรง่าย ๆ จากการค้นหาในคลังรูปถ่ายของเรา หรือถ้าเป็นบ้านเรา ก็อาจจะเหมือนเจอจากภาพถ่ายบัตรประชาชน ที่เราถ่ายเก็บไว้ในมือถือนั่นเอง

ภาพจากรอยเตอร์

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของ Apple ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์นี้ โดยออกมายืนยันว่า iPhone เป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยสูง และบริษัทกำลังพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะป้องกันภัยคุกคามใหม่ ๆ แต่สำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็ต้องระวังตัวเองไว้เช่นกัน โดยโฆษกของทาง Apple มีข้อแนะนำคือ ให้เราใช้การปลดล็อกรหัสผ่านแบบ Face ID หรือ Touch ID ในที่สาธารณะ ยกมือขึ้นบังเหนือหน้าจอเมื่อป้อนรหัสผ่าน และระวังอย่าตั้งค่าการจำและกรอกรหัสผ่านธนาคารอัตโนมัติ หรือแม้กระทั่งการจดรหัสผ่านสำคัญไว้ในมือถือ เพราะเสี่ยงโดนเปิดดูได้ง่าย ๆ

ข้อมูลจาก foxbusiness, phonearena, 9to5mac, macrumors, blognone