รวม Gadget of the Year อุปกรณ์ไอทีดาวเด่นประจำปี 2022
แกดเจ็ต (Gadget) ดาวเด่นประจำปี 2022 เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานในกลุ่มคนจำนวนมากและมีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี
ในแต่ละปีบริษัทต่าง ๆ ได้เปิดตัวสินค้าผลิตภัณฑ์ไอทีแกดเจ็ต (Gadget) ใหม่ ๆ ออกมาเป็นระยะ เช่นเดียวกันกับในปี 2022 แม้จะไม่มีสินค้าที่โดดเด่นออกมามากนักอาจเป็นผลสืบเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว อย่างไรก็ตามในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ไอทียังคงมีสีสันและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอยู่
การรวมแกดเจ็ต (Gadget) ประจำปี 2022 ในครั้งนี้เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานในกลุ่มคนจำนวนมากและมีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีหรือกลายเป็นกระแสข่าวที่ได้รับความสนใจสูงในระหว่างช่วงการเปิดตัว
1. โดรน DJI Avata
ดีเจไอ (DJI) ผู้นำด้านการพัฒนาโดรนบิน ได้เปิดตัวโดรนบิน DJI Avata ขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพสูงในปี 2022 รองรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวบันทึกภาพวิดีโอในมุมมองใหม่ ๆ สัมผัสธรรมชาติในรูปแบบที่ไม่เหมือนเดิม
โดรน DJI Avata มาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพมุมกว้าง 155 องศา บันทึกภาพวิดีโอความคมชัด 4K อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที ระบบป้องกันการกันสั่นสะเทือน RockSteady และ HorizonSteady ช่วยลดการสั่นไหวของภาพ สามารถถ่ายภาพนิ่งความคมชัด 48 ล้านพิกเซล หน่วยความจำภายใน 20GB รองรับ microSD สูงสุด 256GB
ระบบพลังงานไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ 2,420mAh บินนานสูงสุด 18 นาที ตัวเครื่องของโดรนน้ำหนัก 410 กรัม และจุดเด่นของโดรนบิน DJI Avata อยู่ที่ตัวโดรนสามารถควบคุมด้วย DJI FPV Remote Controller 2 และมองผ่านแว่นตา DJI FPV Goggles V2 คล้ายแว่นตา VR รองรับการทำงานร่วมกับแว่นตารุ่นใหม่ DJI Goggles 2 ที่มาพร้อมหน้าจอ micro-OLED
การควบคุมและส่งข้อมูลระยะไกลด้วยเทคโนโลยี O3+ transmission technology ส่งสัญญาณไกลสูงสุด 10 กิโลเมตร ความละเอียดของภาพวิดีโอ 1080p 100fps อัตราการดีเลย์สัญญาณเพียง 30 มิลลิวินาที เรียกได้ว่าประสิทธิภาพของโดรนบิน DJI Avata คุ้มค่าเกินราคาเลยก็ว่าได้ โดรน DJI Avata มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 38,600 บาท
2. แว่นตาอัจฉริยะ Meta Quest VR Headsets
ในปี 2022 บริษัท เมตา (Meta) พยายามผลักดันโลกเสมือนจริง Metaverse อย่างเต็มตัว ทั้งในด้านของการผลิตซอฟต์แวร์และการเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ Meta Quest Pro เพื่อเชื่อมต่อโลกเสมือนจริงในราคา 57,000 บาท
แว่นตาอัจฉริยะ Meta Quest Pro มาพร้อมกับการแสดงผลหน้าจอ LCD เทคโนโลยี Quantum dot รองรับการแสดงแสงและสีอย่างถูกต้องระดับสูง คมชัดและมีความแน่นของจำนวนพิกเซลมากกว่าแว่นตารุ่น Oculus Quest 2 กว่า 37% เพิ่มความละเอียดของกล้องด้านหน้า 4 เท่า ทำให้จับสภาพแวดล้อมด้านหน้าผู้สวมใส่ได้อย่างคมชัดสมจริง
การใช้งานและการควบคุมแว่นตาอัจฉริยะ Meta Quest Pro ผ่านทางอุปกรณ์ Meta Quest Touch Pro แบบไร้สายแยกอิสระออกมาจากแว่นตาทำให้ผู้สวมใส่มีความคล่องตัวมากขึ้น การออกคำสั่งหรือเคลื่อนที่ในโลกเสมือนจริงใช้การเคลื่อนที่ของมือและปุ่มคำสั่งต่าง ๆ เพื่อการจำลองผู้สวมใส่เชื่อมต่อโลกเสมือนจริงอย่างไร้รอยต่อให้มากที่สุด แว่นตาอัจฉริยะ Meta Quest Pro ราคาในวันเปิดตัว 57,000 บาท
3. สมาร์ตโฟน Nothing Phone (1)
ดีไซน์ของสมาร์ตโฟนกลายเป็นจุดเด่นอีกที่ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนั้น ๆ ได้รับความสนใจ Nothing Phone (1) หนึ่งในสมาร์ตโฟนแนวคิดใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์แปลกใหม่ฝาหลังโปร่งใสมีไฟ LED สีของเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ ขาวและดำ เมื่อสีและแสงสว่างจากไฟ LED รวมกันทำให้รู้สึกถึงความล้ำอนาคต
สมาร์ตโฟน Nothing Phone (1) ติดตั้งชิปประมวลผล Snapdragon 778G+ รุ่นพิเศษจาก Qualcomm พร้อมกล้องหลัง 2 ตัว กล้องหลัก 50 เมกะพิกเซล MP Sony IMX766 และกล้องอัลตราไวด์ 50 ล้านพิกเซล (MP) Samsung JN1 กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล (MP) Sony IMX471 ในส่วนของหน้าจอมีขนาด 6.55" FHD+ OLED อัตรารีเฟรช 60-120Hz รองรับ HDR10+ ระบบปฏิบัติการ Nothing OS ซีพียู Snapdragon 8 Gen1 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 12 หน้าจอการใช้งานเป็นแบบ Glyph Interface
แม้ว่าในช่วงเปิดตัวสมาร์ตโฟน Nothing Phone (1) จะได้รับความสนใจในวงกว้างแต่ด้วยกระแสของการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่มีอย่างต่อเนื่องทำให้สมาร์ตโฟน Nothing Phone (1) ได้รับความสนใจลดลง สำหรับราคาเปิดตัวของสมาร์ตโฟน Nothing Phone (1) อยู่ที่ 18,900 บาท
4. สมาร์ตโฟน iPhone 14 Pro Max
เป็นประจำในทุกปีที่บริษัท แอปเปิล (Apple) จะเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น ๆ ใหม่ทุกปี สำหรับในปี 2022 บริษัทได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน iPhone 14 โดยมีผลิตภัณฑ์ตัวท๊อฟสุด คือ iPhone 14 Pro Max ที่มาพร้อมดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield หบ้างหลังเป็นกระจกผิวด้าน มีสีให้เลือก 4 สี ดำสเปซแบล็ค เงิน ทองและม่วงเข้ม โครงสร้างทำจากสแตนเลสสตีล ความแข็งแรงทนทานสูง
หน้าจอของ iPhone 14 Pro Max เป็นแบบ Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้ว การแสดงผลความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซล ความสว่างทั่วไปของหน้าจอ 1,000 นิต และความสว่างสูงสุด 2,000 นิต เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ เทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz กันน้ำลึกระดับ IP68 ความลึกไม่เกิน 6 เมตร เป็นเวลา 30 นาที
ในด้านของกล้องถ่ายภาพความสามารถระดับโปรสมชื่อด้วยกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (MP) ชุดเลนส์ 7 ชิ้น ระบบป้องกันภาพสั่นไหว กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (MP) ชุดเลนส์ 6 ชิ้น กล้องเทเลโฟโต ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (MP) ด้านหน้าของเลนซ์ผลึกด้วยแซฟไฟร์ป้องกันหน้าเลนส์ ถ่ายภาพบุคคลสวยงามควบคุมระยะชัดลึก รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ 4K สูงสุด 60fps และถ่ายวิดีโอรูปแบบอื่น ๆ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว ราคา iPhone 14 Pro Max เริ่มต้น 44,900 บาท
5. สมาร์ตโฟน Samsung Galaxy S22 Ultra
สมาร์ตโฟนจากค่ายซัมซุง (Samsung) ถือเป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมใมนประเทศไทย โดยมีสมาร์ตโฟนรุ่น Samsung Galaxy S22 Ultra ถือได้ว่าเป็นเรือธงของแบรนด์นี้ การออกแบบสวยงามมีให้เลือก 4 สี คือ Phantom Black, ขาว Phantom White, เขียว Green และชมพู Burgundy จุดเด่นตรงทำงานร่วมกับปากกา S Pen เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำงานบนสมาร์ตโฟน
Samsung Galaxy S22 Ultra มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว QHD+ Dynamic AMOLED มีอัตราการรีเฟรช 120Hz กล้องหลังจัดเต็ม 4 ตัว กล้องหลักมีความละเอียดมากถึง 108 ล้านพิกเซล (MP) กล้องเทเลโฟโต 2 ตัว ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล (MP) พร้อมกับกล้องออปติคัล 1 ตัว ซูมภาพได้มากถึง 100x นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (MP) ระบบปฏิบัติการ Android 12 พร้อม One UI 4.1
นอกจากจะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่ทันสมัย ทางซัมซุง (Samsung) ก็ยังใส่แนวคิดรักโลก ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลพลาสติกจากอวนจับปลาในทะเลมาเป็นส่วนประกอบบางชิ้นของสมาร์ตโฟน รวมไปถึงบริษัทได้ปรับกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อลดการใช้งานพลาสติกลงประมาณ 20% นอกจากนี้บริษัทยังใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ในประเทศสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรปและประเทศจีน ราคาเริ่มต้นของ Samsung Galaxy S22 Ultra อยู่ที่ 39,900 บาท
6. True Gigatex Fiber PRO
เราเตอร์ไวไฟ 6 (WiFi 6) รุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีอัจฉริยะติดตั้ง 6 เสากระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตในบ้าน สามารถรับส่งสัญญาณได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า ครอบคลุมพื้นที่ในบ้านได้มากกว่าเดิม รองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 1 กิกะบิตต่อวินาที (1Gbps) หรือ 1,000 เมกะบิตต่อวินาที (1,000 Mbps)
มีนวัตกรรม Band Steering เลือกสัญญาณที่ดีที่สุดให้แบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องสลับสัญญาณเอง ครบทั้ง 2 คลื่นความถี่ 2.4 กิกะเฮิร์ทซ์ (GHz) และ 5 กิกะเฮิร์ทซ์ (GHz) และมีความหน่วงต่ำ ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
รองรับการใช้งานได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน รองรับรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลายของสมาชิกภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ประชุมออนไลน์ การพักผ่อนเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว
ที่มาของข้อมูล Techadvisor, Meta, Dji, Apple
ข่าวแนะนำ
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67