TNN ขอเริ่มต้นใหม่ ! Twitter กลับมาจ้างพนักงานใหม่อีกครั้ง หลังปลดออกไปกว่าครึ่ง

TNN

Tech

ขอเริ่มต้นใหม่ ! Twitter กลับมาจ้างพนักงานใหม่อีกครั้ง หลังปลดออกไปกว่าครึ่ง

ขอเริ่มต้นใหม่ ! Twitter กลับมาจ้างพนักงานใหม่อีกครั้ง หลังปลดออกไปกว่าครึ่ง

หลังจากปลดพนักงานไปหลายพันคน ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ วันนี้ บริษัท Twitter กลับมาจ้างพนักงานใหม่แล้ว

โดยอีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าของบริษัทคนใหม่ของทวิตเตอร์ (Twitter) เผยในการประชุมใหญ่กับพนักงานวานนี้ (22 พฤศจิกายน) ว่า บริษัทสิ้นสุดแผนการปลดพนักงานแล้ว และกำลังเริ่มต้นจ้างพนักงานด้านฝ่ายขาย และวิศวกรรมเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ ขณะที่ก่อนหน้านั้นมีการโละพนักงานฝ่ายขายชุดเก่าระดับซีเนียร์ออกจนเกือบหมด 


อย่างไรก็ตาม มัสก์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะจ้างวิศวกร หรือฝ่ายขายด้านไหนอย่างชัดเจน และทวิตเตอร์ยังไม่มีการเปิดระบุรายละเอียดตำแหน่งที่รับสมัครบนเว็บไซต์ ขณะที่มัสก์กล่าวว่า ฝ่ายที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือคนที่สามารถเขียนโปรแกรมได้ 


สำหรับการประชุมใหญ่ล่าสุดที่ผ่านมาถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการประชุมพบปะกับพนักงานเป็นการทั่วไป หลังจากที่อีลอน มัสก์ ยืนยันให้พนักงานทำงานแบบ “บ้าคลั่ง” ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยื่นใบลาออกกว่า 1,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ มีพนักงานบางส่วนตั้งคำถามว่า จะมีการย้ายตึกบริษัทไปยังรัฐเทกซัสเหมือนกับในกรณีของเทสลา (Tesla) หรือไม่ ซึ่งมัสก์ปฏิเสธ แต่กล่าวว่า อาจจะเป็นไปได้ที่จะมีการใช้ออฟฟิศในแคลิฟอร์เนีย และเทกซัสเป็นศูนย์กลางควบคู่กัน 


ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว มัสก์ยังยอมรับว่าการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ จะมีข้อผิดพลาดต่าง ๆ มากมาย แต่สุดท้ายแล้วเขาบอกว่า "บริษัทก็จะเข้าที่เข้าทางได้ในที่สุด" มัสก์ยังเสริมว่า อาจจะก่อตั้งทีมวิศวกรประจำการในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น, อินเดีย, อินโดนีเซีย และบราซิลอีกด้วย  


อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ ใครที่เข้ามาทำงานกับบริษัททวิตเตอร์ จะได้ทำในฐานะบริษัทที่เล็กลงกว่าก่อนที่ตอนมัสก์ เข้ามาบริหาร โดยก่อนหน้านี้ มีคนที่สามารถเข้าถึงระบบภายในบริษัทได้ราว 7,400 คน ก่อนที่มัสก์จะปลดคนออกกว่าครึ่ง ทำให้ยังไม่ชัดเจนว่ายังเหลือ “คนใน” อยู่กี่คน แต่มีการประมาณการโดยอ้างอิงจากพนักงานภายในว่า ตอนนี้ มีคนที่อยู่ภายใต้สังกัดทวิตเตอร์ ซึ่งไม่รวมพนักงานสัญญาจ้าง เหลืออยู่ราว 2,700 คน เท่านั้น 


ที่มาของข้อมูล theverge.com

ที่มาของรูปภาพ Reuters


ข่าวแนะนำ