Lotus เปิดตัว Eletre รถ SUV ไฟฟ้าเต็มระบบพร้อมสเปกสุดล้ำ
เอเลเตอร์ เป็นรถ SUV รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ รถไฟฟ้า 5 ประตูรุ่นแรกของค่าย มีความเป็น “ที่สุด” ในทุก ๆ ฟังก์ชัน ทั้งระยะทางที่ทำได้ ความเร็วสูงสุด อัตราการเร่ง และเวลาชาร์จ
โลตัส (Lotus) อดีตค่ายผลิตรถยนต์จากอังกฤษ ซึ่งย้ายฐานการผลิตมาที่จีน ภายใต้บริษัทจีลี (Geely) ได้เปิดตัวรถไฮเปอร์เอสยูวี (Hyper-SUV) พลังงานไฟฟ้าสุดหรู ในชื่อรุ่น เอเลเตอร์ (Eletre)
เอเลเตอร์ เป็นรถ SUV รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และเป็นรถรุ่นแรกของโลตัสที่ออกแบบโดย Geely Design Studio และเตรียมผลิตจากโรงงานของบริษัทแม่ (จีลี) ในประเทศจีน ขนาดตัวอยู่ในกลุ่มรถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดกลาง ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ และสำหรับรถอีเลเตอร์ที่เปิดตัวในปีนี้ มีรหัสรุ่นดั้งเดิมว่า Type 132 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า 5 ประตูรุ่นแรกของค่าย ขณะเดียวกัน ก็ยังตั้งเป้าให้รถคันนี้มีความเป็น “ที่สุด” ในทุก ๆ ฟังก์ชัน ทั้งระยะทางที่ทำได้ ความเร็วสูงสุด อัตราการเร่ง และเวลาชาร์จ
สำหรับความยาวตัวรถของอีเลเตอร์จะอยู่ที่ 5,105 มม. รุ่นพื้นฐานกระจกมองข้างแบบธรรมดากว้าง 2,231 มม. รุ่นใช้กล้องแทนกระจกมองข้างกว้าง 2,135 มม. สูง 1,630 มม. ฐานล้อ 3,019 มม. ใกล้เคียงกับ Lamborghini Urus (ความยาว 5,113 มม.) และ Tesla Model X (ความยาว 5,036 มม.) รุ่นปัจจุบัน ในขณะที่ Porsche Cayenne จะมีขนาดตัวที่เล็กที่สุดในกลุ่มนี้ (ความยาว 4,919 มม.) โดยอีเลเตอร์ ใช้กำลังไฟ 112 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่แบบฟาสชาร์จ (Fast Charger) จาก 10-80% ได้ในเวลา 20 นาที ระยะขับขี่ไกลสูงสุดถึง 600 กิโลเมตร
ส่วนรุ่น Eletre R ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด นั้นมีข้อแตกต่างมาอีกหน่อยตรงที่พกพาขุมกำลังถึง 905 แรงม้า แรงบิกสูงสุด 985 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุดที่ 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร ได้ใน 2.95 วินาที เท่านั้น แต่ระยะขับขี่จะลดลงมาอยู่ที่ 490 กิโลเมตร ส่วนสเปกอื่น ๆ ค่อนข้างใกล้เคียงกับรุ่นธรรมดา และรุ่น S
ทั้งนี้ สำหรับการตกแต่งภายในของรถเอเลเตอร์ทั้ง 3 รุ่น โลตัสยังภูมิใจนำเสนอระบบปฏิบัติการโฉมใหม่ล่าสุดของโลตัส นั่นคือ โลตัส ไฮเปอร์ โอเอส (Lotus Hyper OS.) ซึ่งใช้ระบบอันเรียล เอนจิน (Unreal Engine) ในการสร้างรูปภาพ 3 มิติ โดยระบบอันเรียลได้รับความนิยมในเหล่าบรรดาผู้สร้างวิดีโอเกมชื่อดังจำนวนมาก โลตัสจึงเลือกใช้ระบบดังกล่าวมาเพื่อสร้างภาพจำลองของวัตถุ ทั้งในและนอกรถให้เป็นภาพ 3 มิติแบบเรียลไทม์ ที่ผ่านระบบประมวลผลจากชิป Qualcomm 8155 พร้อมกันถึง 2 ตัว
อีเลเตอร์ยังให้จอทัชสกรีนแบบ Ultra Slim ขนาด 15.1 นิ้ว ความละเอียดแบบ Full HD ที่สามารถตกแต่งแบบคัสตอม (custom) ได้ ส่วนความละเอียดสี มีให้ถึง 1 พันล้านสีจากเทคโนโลยี OLED ส่วนระบบคำนวณการเดินทาง หรือการใช้แบตเตอรี่ ก็ยังมีเทคโนโลยี HERE ที่สามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์ได้แบบ OTA ส่วนเครื่องเสียงภายในใช้เทคโนโลยีของดอลบี แอตโมส (Dolby Atmos) กับลำโพงภายใน 15 ตัว เพื่อมอบประสบการณ์ด้านโสตสัมผัสแบบหรูหราให้กับทุกคนในห้องโดยสาร
ที่มาของรูปภาพ Lotus
ทั้งนี้ อีเลเตอร์สามารถเลือกรูปแบบการตกแต่งภายในได้ 6 แบบ ซึ่งโลตัสเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมรักษ์โลก เช่น หนังรีไซเคิล 100% มาทำเป็นพรมแบบหรูหรา และผ้าบุตัวถัง พร้อมด้วยระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เบาะหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอุณหภูมิแบบแยกย่อย 4 พื้นที่ พร้อมให้บริการทั้ง แอปเปิล คาร์เพลย์ และเครื่องเล่นเพลงของแอนดรอยด์
สำหรับรถอีเลเตอร์ มีที่นั่งมาให้ 5 เบาะ และรุ่นสำหรับผู้บริหาร (Executive Seat Pack) จะมีเบาะให้เพียง 4 เบาะ และในอนาคต อีเลเตอร์จะมีระบบขับขี่อัตโนมัติผ่านการอัพเดทเฟิร์มแวร์ สำหรับราคาของรถสุดหรูคันนี้ โลตัสประกาศว่า ราคาเริ่มต้นของในยุโรปของรุ่นธรรมดา จะอยู่ที่ 95,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ (3,596,602 บาท) ส่วนราคาวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ จะมีการประกาศเพิ่มเติมในอนาคต
ที่มาของข้อมูล electrek.co
ที่มาของรูปภาพ Lotus
ข่าวแนะนำ
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67