มหาวิทยาลัยมิชิแกนรับ "บันทึกของกาลิเลโอ" เป็นของปลอม!!
บันทึกนี้ถูกปลอมแปลงขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มิใช่ของกาลิเลโอแต่อย่างใด
บันทึกของกาลิเลโอ (Galileo's manuscript) คือ หนึ่งในเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพราะเป็นหนึ่งในหลักฐานในการค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์, การใช้กล้องโทรทรรศน์เพื่อสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ และที่สำคัญคือมันนำไปสู่การหักล้างความเชื่อดั้งเดิมที่กลายเป็นข้อขัดแย้งกับความเชื่อดั้งเดิม ว่าด้วยดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล
ณ หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้ครอบครองบันทึกแผ่นหนึ่งของกาลิเลโอ ซึ่งเป็นร่างจดบันทึกที่กล่าวถึงการค้นพบดาวพฤหัสบดีด้วยกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงที่เขาคิดค้นขึ้น รวมถึงยังกล่าวถึงทฤษฎีใหม่ที่ว่าด้วยเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ใช่ดวงอาทิตย์อย่างในความเชื่อดั้งเดิม เอกสารนี้จึงเป็นสมบัติล้ำค่าของหอสมุดเลยทีเดียว
ทั้งนี้ เอกสารโบราณที่ผ่านช่วงเวลามายุคหลายสมัย ย่อมมีโอกาสที่จะถูกปลอมแปลงขึ้นใหม่ได้ง่าย และมิจฉาชีพก็มีอยู่ทุกยุคด้วยเช่นกัน ดังนั้น เอกสารสำคัญที่น่าจะขายได้ราคาดี อาจถูกปลอมแปลงและขายในราคาแพงให้แก่นักสะสม และดูเหมือนว่าร่างบันทึกของกาลิเลโอนี้ จะเป็นของที่ถูกปลอมแปลงขึ้นด้วย !!
บันทึกของกาลิเลโอนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้รับบริจาคมาจากนักธุรกิจ เทรซีย์ แมคเกรเกอร์ (Tracy McGregor) เมื่อปี พ.ศ. 2481 ซึ่งเทรซีย์อ้างว่าบันทึกนี้ได้รับการยืนยันจากอาร์คบิชอปแห่งเมืองปิซาว่า นี่คือบันทึกของกาลิเลโอจริง จากการเปรียบเทียบกับเอกสารอื่น ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของกาลิเลโอเอง
เอกสารที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนครอบครองอยู่นั้น อ้างว่าเป็นบันทึกที่กาลิเลโอร่างไว้ เกี่ยวกับการค้นพบครั้งใหม่ของเขา โดยส่วนสำคัญจะอยู่ที่ครึ่งล่างของบันทึกที่บรรยายการค้นพบดาวพฤหัสบดี และดวงจันทร์ขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้วย ก่อนที่จะร่างเอกสารฉบับเต็มเพื่อยื่นเสนอแก่ดยุคแห่งเวนิส ซึ่งบันทึกฉบับเต็มนั้นถูกเก็บไว้ในประเทศอิตาลี
ทว่า นิก ไวล์ดิง (Nick Wilding) นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์เจีย ค้นพบจุดสังเกตในบันทึกที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเก็บรักษาไว้ โดยเขากล่าวถึงคุณลักษณะของหมึกที่ใช้, รูปแบบของลายมือ และการเลือกใช้คำในบันทึกดังกล่าวดูไม่ใช่ลักษณะของคำที่ใช้ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
นิกได้ส่งอีเมลแจ้งข้อสังเกตเหล่านี้ไปยังมหาวิทยาลัยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน ทางมหาวิทยาลัยจึงตรวจสอบเอกสารใหม่อีกครั้ง และค้นพบความจริงที่ว่า นี่ไม่ใช่บันทึกของกาลิเลโอ
จากการตรวจสอบของมหาวิทยาลัยมิชิแกน พบลายน้ำที่เขียนว่า AS BMO โดยคำว่า BMO มาจากคำว่า Bergamo (เบอร์กาโม) ซึ่งกระดาษที่มีลายน้ำตัวอักษรเหล่านี้ เพิ่งเริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2313
ใครเป็นคนสร้างเอกสารปลอมนี้ขึ้น? เชื่อว่าผู้สร้างเอกสารปลอมน่าจะเป็นนักต้มตุ๋นนามว่า โทเบีย นิโคทรา (Tobia Nicotra) นักต้มตุ๋นชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงในการขายวัตถุและเอกสารโบราณของปลอม ในช่วงปี พ.ศ. 2460-2470 ยิ่งไปกว่านั้น นิกยังค้นพบเอกสารของกาลิเลโอที่ปลอมแปลงโดยโทเบียอีกฉบับ ในหอสมุดมอร์แกนที่นิวยอร์ก
การปลอมแปลงหลักฐานทางโบราณคดี ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ดังที่เคยเกิดขึ้นกับกรณีฟอสซิลมนุษย์พิลต์ดาวน์ แมน (Piltdown man) ที่มีการปลอมแปลงจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด เกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์อยู่นานถึง 40 ปี และเอกสารของกาลิเลโอของปลอมนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ทำให้นักประวัติศาสตร์ต้องมีความรอบคอบมากขึ้นด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Science Alert
ข่าวแนะนำ
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67