TNN เผยโมเดลสถานีอวกาศรัสเซีย เตรียมออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ

TNN

Tech

เผยโมเดลสถานีอวกาศรัสเซีย เตรียมออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ

เผยโมเดลสถานีอวกาศรัสเซีย เตรียมออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ

รอสคอสมอสได้ออกมาเปิดเผยโมเดลสถานีอวกาศรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้มีแถลงการณ์ตัดสินใจถอนตัวจากสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) หลังปี 2024 ออกมา

เมื่อวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา รอสคอสมอส (Roskosmos) หน่วยงานอวกาศรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยแบบจำลองสถานีอวกาศรัสเซียที่ชื่อว่า “รอสซ์ (ROSS)” พร้อมเปิดเผยว่ารัสเซียจริงจังกับการละทิ้งสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) และพร้อมฉายเดี่ยว ณ นิทรรศการอุตสาหกรรมการทหารนอกกรุงมอสโก


จากความตึงเครียดระหว่างประเทศที่รัสเซียได้เคลื่อนกองกำลังทหารและยุทโธปกรณ์เข้ายูเครน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ชาติตะวันตกหลายชาติ รวมถึงสหภาพยุโรปหันมาคว่ำบาตรรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียถูกมองว่าเข้ากระทำการรุกรานยูเครนแบบที่ไม่มีการยั่วยุ เศรษฐกิจของรัสเซียจึงได้รับความเสียหายจากการคว่ำบาตรครั้งนี้ ส่งผลให้รัสเซียรีบเร่งลดการพึ่งพาประเทศตะวันตกและเดินหน้าต่อไปด้วยตัวเอง หรือหันไปร่วมมือกับประเทศอย่างจีนและอิหร่านแทน


“รัสเซียจะออกจากสถานีอวกาศนานาชาติหลังปี 2024 และกำลังทำงานเพื่อพัฒนาสถานีโคจรของตัวเอง” - ยูริ โบริซอฟ (Yuri Borisov) หัวหน้ารอสคอสมอสที่พึ่งถูกแต่งตั้งเมื่อเดือนที่แล้วโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin)


ในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่ารอสคอสมอสจะมีการเปิดตัวสถานีอวกาศรอสซ์ใน 2 ระยะ โดยในระยะแรกจะเป็นการส่งโมดูล 4 โมดูล ขึ้นไปเชื่อมต่อกันในวงโคจรและเริ่มใช้งาน ต่อมาในระยะที่สองจะเป็นการส่งโมดูลไปเชื่อมต่อเพิ่มอีก 2 โมดูล และการเปิดตัวแพลตฟอร์มให้บริการ เมื่อเสร็จสิ้น สถานีอวกาศแห่งนี้จะสามารถรองรับนักบินอวกาศได้จำนวน 4 คน รวมถึงอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งด้วย


ซึ่งตามแผนที่วางไว้ในปัจจุบัน จะไม่มีการส่งนักบินอวกาศขึ้นไปประจำถาวรบนสถานีอวกาศรอสซ์ แต่จะผลัดเปลี่ยนนักบินอวกาศขึ้นไปปีละ 2 ครั้ง


โดยการดำเนินตามแผนระยะแรกจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2025-2026 ล่าช้ามากสุดไม่เกิน 2030 และสำหรับระยะที่สองจะอยู่ในช่วงปี 2030-2035 


ทางฝั่งดิมิทรี โรโกซิน (Dmitry Rogozin) อดีตหัวหน้ารอสคอสมอสคนก่อนได้ออกมาเสริมว่า สถานีอวกาศใหม่ของรัสเซียควรที่จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางทหารได้


ข้อมูลและภาพจาก www.reuters.com

ข่าวแนะนำ