เปิดจอง Tesla Roadster 2 เตรียมผลิตและส่งมอบในปี 2023

Tesla เปิดจองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 จ่ายค่ามัดจำ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,674,700 บาท

Tesla เปิดจองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 รุ่นใหม่อีกครั้งผ่านเว็บไซต์หลังจากเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเรือธงของบริษัทไปเมื่อปี 2017 ผู้สั่งจองต้องจ่ายเงินค่ามัดจำ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 167,500 บาท โดยหลังจากนั้นต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 45,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,507,244 บาท ภายในเวลา 10 วัน โดยรวมแล้วยอดมัดจำสำหรับการสั่งจองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 อยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,674,700 บาท

ก่อนหน้านี้ภายในงาน Giga Rodeo ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อเปิดโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla แห่งใหม่ในรัฐเท็กซัส อีลอน มัสก์ได้เปิดเผยแผนการผลิตและส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 ในปี 2023 เช่นเดียวกับรถยนต์กระบะพลังงานไฟฟ้า Tesla CyberTruck

อย่างไรก็ตามการเลื่อนกำหนดการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากลายเป็นเรื่องปกติสำหรับอีลอน มัสก์ จนถูกแฟนคลับแซวแบบติดตลกเรื่อง Elon Time ที่เวลาคลาดเคลื่อนจากการประกาศแผนการต่าง ๆ เล็กน้อย อย่างเช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 เดิมนั้นมีแผนการผลิตในปี 2022 แต่ต้องเลื่อนไปเป็นปี 2023 โดยอีลอน มัสก์ให้เหตุผลว่าเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์สำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

สำหรับในด้านของสมรรถนะของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 ได้รับการยกให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของบริษัท รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้มีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมพร้อมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว อยู่ด้านหลัง 2 ตัว และด้านหน้า 1 ตัว สร้างแรงบิดรวม 10,000 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 1.9 วินาที ความเร็วสูงสุดสามารถทำได้ 402 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ความจุ 200 kWh (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) บริษัทยืนยันว่ารถสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 997 กิโลเมตร ต่อการชาร์จพลังงานไฟฟ้า 1 ครั้ง

สำหรับราคารถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Roadster 2 ที่เปิดตัวในปี 2017 อยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,500,000 บาท ส่วนราคาของรถยนต์รุ่นนี้อยู่ที่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 6,200,000 บาท และสำหรับลูกค้า 1,000 คนแรกที่สั่งจองล่วงหน้ามีสิทธิซื้อรุ่นพิเศษ Founders Series ที่เปิดตัวในปี 2020 ในราคา 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 7,700,000 บาท ทั้งนี้มูลค่ามาจากการคำนวณค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับค่าเงินบาทในปี 2017