เอลซัลวาดอร์พลิกฟื้นวิกฤตการท่องเที่ยวด้วยบิตคอยน์ได้สำเร็จ

Morena Valdez รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวที่มีการระบุว่าที่ผ่านมาประเทศเอลซัลวาดอร์ตัดสินใจที่จะทำให้บิตคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชำระเงินในประเทศได้และการทำแบบนี้ยิ่งเป็นผลดีกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น

รัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่าการนำบิตคอยน์มาปรับใช้ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ตอนนี้กระแสนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนที่จะนำบิตคอยน์มาใช้ในประเทศ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ล้วนแล้วมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประเทศฮอนดูรัส, กัวเตมาลาและนิการากัว และเวลานี้นักท่องเที่ยวกว่า 60% ล้วนแล้วมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา

ก่อนที่เอลซัลวาดอร์จะเจอกับวิกฤตโควิด-19 แต่ละปีเอลซัลวาดอร์จะมีนักท่องเที่ยวโดยรวมแล้วคิดเป็น 2.5 ล้านคน และเมื่อเจอกับการระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2020-2021ยอดนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเอลซัลวาดอร์ลดลงอย่างน่าใจหาย เวลานี้นักท่องเที่ยวไม่ได้เพียงแค่ไปเที่ยวทะเลหาดทราย, ชมภูเขาไฟหรือดูซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะไปบริเวณพื้นที่ที่มีการประกาศรับชำระเงินเป็นบิตคอยน์ด้วย

จนถึงตอนนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเอลซัลวาดอร์พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 30% โดยที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในแถบลาตินอเมริกา ทำให้อัตราดัชนีมวลรวมของประเทศหรือ GDP ของเอลซัลวาดอร์ดีดตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เรื่องนี้ทางด้านกระทรวงการท่องเที่ยวคาดว่าจะได้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวคิดเป็น 8 แสนดอลลาร์ และคาดว่าจะได้รับเงินเป็นสกุลเงินต่างชาติเข้ามาอีกคิดเป็น 1.4 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบันประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ถือครองเหรียญบิตคอยน์จำนวน 1,801 คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันในเวลานี้ประมาณ 68 ล้านดอลลาร์ด้วยกัน และผู้นำของเอลซัลวาดอร์ยังได้ให้คำมั่นอีกด้วยว่าจะนำผลกำไรบางส่วนที่ได้จากบิตคอยน์มาสร้างโรงพยาบาลสัตวแพทย์และโรงเรียนบิตคอยน์จำนวน 20 แห่ง

ข้อมูลจาก fortune.com 

ภาพจาก Nayib Bukele