TNN 4 ประเด็นก่อนเกม แมนซิตี้ พบ แมนยู นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

TNN

กีฬา

4 ประเด็นก่อนเกม แมนซิตี้ พบ แมนยู นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

4 ประเด็นก่อนเกม แมนซิตี้ พบ แมนยู นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

วิเคราะห์ 4 ประเด็นก่อนเกมเมืองแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ คู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ศึกเอฟเอ คัพ 2023-2024 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์

ถือเป็นการโคจรมาพบกันอีกครั้งของคู่อริร่วมเมือง ในศึกเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ โดยถือเป็นนัดที่สำคัญของทั้งสองทีม สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ปกวาร์ดิโอล่า ต้องการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฐานะดับเบิ้ลแชมป์ สำหรับฤดูกาลนี้ ส่วนทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เอริค เทน ฮาก ต้องการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เนื่องจากโควต้าในการไปเล่นฟุตบอลยุโรป ในรายการ ยูโรปา ลีก 


สำหรับ 4 ประเด็นการวิเคราะห์ก่อนเกม มีดังนี้


1. ความพร้อมของทั้งสองทีม

ทัพเรีอใบสีฟ้า จะไม่มีผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง เอแดร์ซอน ที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ โดยพวกเขาจะต้องส่ง สเตฟาน ออเตก้า ลงสนามแทน ซึ่งในรายของผู้รักษาประตูมือสองก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในรายการฟุตบอลถ้วยเขามักจะโชว์เซฟให้กับทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดสุดท้ายก็ช่วยทีมเอาไว้ได้มาก ส่วนผู้เล่นรายอื่นๆ ทุกคนไม่มีอาการบาดเจ็บ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีขุมกำลังให้เลือกใช้อย่างเต็มไม้เต็มมือเลยทีเดียว


ส่วนทัพปีศาจแดง เกมนี้พวกเขาจะไม่มี แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ และไม่มีรายชื่อติดทีมมายังลอนดอนด้วย และอีกหนึ่งนักเตะที่เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บในการซ้อมเซสซั่นสุดท้ายนั่นคือ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และทำให้เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมนี้ นั่นเท่ากับว่า ทำให้เขาปิดฉากอำลา 9 ปี กับทีมเป็นที่เรียบร้อย หลังสัญญาจะหมดลงในไม่ช้านี้ ส่วนผู้เล่นอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ราฟาเอล วาราน น่าจะพร้อมสำหรับเกมในนัดนี้


2. นัดชิงชนะเลิศนัดประวัติศาสตร์

เกมนี้ถือเป็นนัดชิงชนะเลิศแห่ง เมืองแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ นับเป็นครั้งแรกที่คู่ชิวชนะเลิศ คือคู่เดิม 2 ฤดูกาลติดต่อกัน เพราะปีที่แล้วทั้งสองทีมก็เจอกัน และเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถเอาชนะไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ โดยในเกมนี้ ทัพเรือใบสีฟ้า มีโอกาสที่พวกเขาจะกลายเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ปี 2015 ที่จะป้องกันแชมป์รายการนี้ได้ด้วย โดยทีมสุดท้ายที่ทำแบบนั้นได้คือ อาร์เซน่อล ซึ่งได้แชมป์ในซีซั่น 2013/2014 ตามด้วยฤดูกาล 2014/2015


ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปแล้ว 12 สมัย ก็ได้กลายเป็นทีมที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ของ เอฟเอ คัพ ได้มากที่สุด ที่จำนวน 22 ครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ที่ครองสถิติร่วมกับ อาร์เซน่อล ไว้ที่ 21 ครั้ง


3. ความหมายของแชมป์ที่ต่างกัน

ทัพเรือใบสีฟ้า หากพวกเขาคว้าแชมป์ในเกมนี้ไปครอง จะกลายเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 8 ของสโมสร และจะทำให้คู่อริร่วมเมืองไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปทุกรายการ และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-2015 เลยทีเดียว มันจะเป็นการคว้าแชมป์เพิ่มสถิติให้กับสโมสร และตัดแข้งตัดขาทีมอริร่วมเมืองให้อยู่ในยุคตกต่ำเข้าไปอีก


ส่วนทัพปีศาจแดง น่าจะต้องทำงานหนักกว่าคู่แข่งเพราะว่า การเดิมพันของพวกเขาสูงกว่ามาก การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ นอกจากจะเป็นเกียรติยศสมัยที่ 13 แล้ว ยังมีความหมายต่อการได้โควตาไปเล่นในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มด้วย เพราะผลงานในพรีเมียร์ลีกของพวกเขาจบอันดับ 8 ไม่ได้สิทธิ์อะไรทั้งนั้น


ยิ่งไปกว่านั้นการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ของ "ปีศาจแดง" ยังส่งผลกระทบกับทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ซึ่งจบอันดับ 6 เหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องโดนริบสิทธ์ยูโรปา และหล่นไปเล่น คอนเฟอเรนซ์ ลีก เช่นเดียวกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 7 ถือว่าดวงแตกสุดๆ เพราะจะหมดสิทธิ์ได้โควตาไปลุยฟุตบอลถ้วยยุโรปไปโดยปริยายเลยทีเดียว


4. อนาคตของ เอริค เทน ฮาก

หนึ่งวันก่อนการแข่งขันแมตช์นี้ Jacob Steinberg ผู้สื่อข่าวจาก The Guardian ได้ออกมารายงานว่า ยูไนเต็ด เลือกที่จะปลด เทน ฮาก ออกจากตำแหน่งหลังจบเกมชิงชนะเลิศ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงแม้ว่าจะสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ก็ตาม 


โดยหากจะย้อนรอยกุนซือของปีศาจแดง เหตุการณ์แบบนี้มันเคยกิดขึ้นมาแล้วในปี 2016 ตอนที่ หลุยส์ ฟาน กัล นำทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ แต่สุดท้ายโดนปลดทิ้ง เพราะทีมอยากได้ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพ นั่นเอง


และในเรื่องนี้ทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ได้กล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกม โดยเหมือนกับโยนความกดดันมาให้กับ เทน ฮาก ด้วย โดยกล่าวว่า "ทีมใหญ่อย่าง ยูไนเต็ด หรือ ซิตี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาไม่ชนะ คุณจะต้องเจอกับปัญหาอย่างแน่นอน"


สำหรับโปรแกรมการแข่งขันเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม นี้ เวลา 21.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง beIN SPORTS 3

ข่าวแนะนำ