TNN จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล "จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา"

TNN

Social Talk

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล "จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา"

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา

สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ เล่าเรื่องราว "จ่าโท ยุทธศิลป์ เพียรภูเขา" จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่ หน่วยรบพิเศษซีล (SEAL) ชีวิตเพื่อชาติ พร้อมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้อื่นตามความตั้งใจ

วันนี้ (22 พ.ค.64) สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ โพสต์บอกเล่าผ่านเพจเฟซบุ๊ก "กองทัพเรือ Royal Thai Navy" ถึงเรื่องราวของจ่าโทนายหนึ่ง ที่มีความสนใจในดนตรี จนได้ก้าวเข้ามาเป็นรับราชการที่กองดุริยางค์ทหารเรือ ก่อนที่จะเปลี่ยนบทบาทของตัวเอง จากนักดนตรีผู้มอบความสุขมาเป็น "นักรบพิเศษ" โดยระบุว่า

จากเส้นทางนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่ หน่วยรบพิเศษ SEAL ของ จ่าโท ยุทธศิลป์ เพียรภูเขา 

ด้วยความสนใจในดนตรี มาตั้งแต่ เล็กๆ ทำให้ "ยุทธศิลป์ เพียรภูเขา" หรือ เด็กชายเก่ง ชาวปทุมธานี เลือกที่จะเข้าศึกษาในโรงเรียนเฉพาะทางในด้านดนตรีอย่าง โรงเรียนดนตรีสังคีต ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นและปลูกฝังในด้านดนตรี และนำมาสู่การเป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ อย่างเต็มภาคภูมิ

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา

จ่าโทยุทธศิลป์ เล่าว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปี ในโรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต เพราะนอกจากการเป็นสถาบันการศึกษาของกองทัพเรือ ในการให้การศึกษาและอบรมแก่นักเรียนดุริยางค์ เพื่อให้เป็นทหารที่มีความรู้ความสามารถ ในวิชาการดนตรีมีความคิดริเริ่มแล้ว ยังได้ฝึกฝนในเรื่องของระเบียบวินัย เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนปลูกฝังให้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

นอกจากนั้น ยังได้ฝึกฝนในเรื่องของวิชาการทหาร ปลูกฝังภาวะความเป็นผู้นำ โดยได้มีโอกาสเป็นหัวหน้านักเรียนในชั้นปีที่ 3 ได้ถูกบ่มเพาะความซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญเสียสละ รับผิดชอบ มีจิตสำนึกในความเป็นทหาร รู้รักสามัคคี ตลอดจนมีความอดทน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา

เมื่อสำเร็จการศึกษาเขาได้เข้ารับราชการที่กองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ในตำแหน่งนักดนตรี (กีต้าร์) ก่อนจะย้ายไป เป็นนักดนตรีในสังกัดกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

จ่าโท ยุทธศิลป์ เล่าต่อไปว่า จุดเปลี่ยนสำคัญดังที่กล่าวไว้ในตอนต้น เกิดขึ้นในขณะที่เป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารเรือ ซึ่งที่ตั้งของโรงเรียนนั้น อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดชิโนรสารามวรวิหาร เมื่อโรงเรียนจัดให้มีการอบรมธรรมะ ก็จะพานักเรียนไปฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมที่วัดชิโนรส ซึ่งที่นั่นเองทำให้ยุทธศิลป์เกิดความสนใจในการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังอีกได้มีโอกาสรู้จักกับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่วัดชิโนรส ซึ่งได้ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติสมาธิภาวนา จนที่มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม 9 วัด ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา

โดยขณะที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติสมาธิภาวนา ได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้ทรงปกปักรักษาแผ่นดินไทย ทำให้ประเทศไทยเป็นเอกราชจากอริราชศัตรู เกิดเป็นแรงบันดาลใจ และจุดประกายว่า "เราน่าจะทำอะไรเพื่อชาติ และเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้คนในภารกิจอื่นนอกเหนือไปจากบทบาทของการเป็นนักดนตรีที่มีหน้าที่มอบความสุขให้แก่ผู้ชม"

อีกทั้ง ภาพจากภารกิจของ "หน่วยซีล" ในการช่วยเหลือ "13 หมูป่า" ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่ยังก้องอยู่ในความทรงจํา ทำให้เขาตัดสินใจ ที่จะเลือกเปลี่ยนบทบาทของตัวเอง จากนักดนตรีผู้มอบความสุขมาเป็น "นักรบพิเศษ"

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา

โดยในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ได้ตั้งใจแน่วแน่ เขาได้มุ่งมั่นและเตรียมตัวในการเข้ารับการฝึก ในหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ในสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ที่หลายคนบอกว่า โหด และ ใช้เวลาฝึกนานที่สุด ของกองทัพไทย โดยใช้เวลาเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจเป็นระยะเวลาถึง 1 ปีเต็ม

ตลอดระยะเวลา 31 สัปดาห์ของการฝึก จ่าโทยุทธศิลป์ กล่าวว่า เป็นประสบการณ์ที่ให้อะไรกับเขามากมาย โดยเฉพาะเรื่องความอดทนอดกลั้น ซึ่งแม้จะได้รับความกดดันในรูปแบบต่างๆจากสถานการณ์ในการฝึก แต่เขาได้น้อมนำ เอาหลักธรรมที่ได้ฝึกฝนมาโดยเฉพาะเรื่องของการเจริญสติภาวนาให้ระลึกถึงปัจจุบันขณะ ตลอดจน ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ในชีวิตของนักเรียนทหาร นำมาประยุกต์ใช้

จากนักดนตรีเหล่าดุริยางค์ สู่หน่วยรบพิเศษซีล จ่าโทยุทธศิลป์ เพียรภูเขา

จนในที่สุดเขาก็สำเร็จการฝึก เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยได้เข้ารับการประดับเครื่องหมายฉลามบนเกลียวคลื่น พร้อมเข้าสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ และเรียกตนเองว่า นักรบพิเศษของกองทัพเรือ ในนาม  "นักทำลายใต้น้ำจู่โจม" พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างที่ตั้งใจไว้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ


ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก

กองทัพเรือ Royal Thai Navy