TNN อาม่าจาก ‘เหยื่อ’ สู่ ‘ผู้กล้า’ ชาวจีนเชิดชูหลังลุกขึ้นสู้กับชายผิวขาว

TNN

Social Talk

อาม่าจาก ‘เหยื่อ’ สู่ ‘ผู้กล้า’ ชาวจีนเชิดชูหลังลุกขึ้นสู้กับชายผิวขาว

อาม่าจาก ‘เหยื่อ’ สู่ ‘ผู้กล้า’ ชาวจีนเชิดชูหลังลุกขึ้นสู้กับชายผิวขาว

ชาวจีนเน็ตเชิดชู ‘อาม่า’ วัย 76 ปีในสหรัฐฯ ที่ต่อสู้กับคนผิวขาวเหยียดเอเชียในนครซานฟรานซิสโก

วันนี้ ( 20 มี.ค. 64 )จากกรณี อาม่า ‘เซี่ย เสี่ยวเฉิน’ อายุ 76 ปี ถูกชายผิวขาวพุ่งเข้ามาต่อยขณะที่เธอกำลังรอข้ามถนนในนครซานฟรานซิสโกแทนที่จะยอมแพ้กับการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผล ‘อาม่า’ วัย 76 ปี ด้วยสัญชาติญาณ สู้กลับด้วยท่อนไม้ จนชายผู้ก่อเหตุบาดเจ็บ ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล

 

สั่งสอนมันเลยอาม่า


จากเหตุการณ์นี้ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ สรรเสริญความกล้าหาญของอาม่า จนติดแฮชแท็กว่า “อาม่าเอเชียน-อเมริกันสู้กลับคนร้าย” ในสังคมออนไลน์ Weibo ที่เป็นที่นิยมในจีน แฮชแท็กนี้กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว มีผู้กดติดแฮชแท็กและเข้าชมคลิปอาม่า มากกว่า 1,400 ล้านครั้งแล้ว


อาม่าจาก ‘เหยื่อ’ สู่ ‘ผู้กล้า’ ชาวจีนเชิดชูหลังลุกขึ้นสู้กับชายผิวขาว

ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชมว่า “อาม่ากล้ามากเลย” หรือ “สั่งสอนมันเลยอาม่า” บางคนยังออกมาเรียกร้องให้ชาวเอเชียทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก สามัคคีกัน ต่อสู้กับอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่เกิดจากกระแสต่อต้านเอเชีย

“จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไม่เคยลงรอยกัน แต่คนเอเชียเหล่านี้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ พวกคุณต้องสามัคคีกันนะ เพราะพลังแห่งเอกภาพมันยิ่งใหญ่มาก”

อาม่าจาก ‘เหยื่อ’ สู่ ‘ผู้กล้า’ ชาวจีนเชิดชูหลังลุกขึ้นสู้กับชายผิวขาว

 

เหตุการณ์โดยละเอียด


เหตุโจมตี ‘อาม่า’ เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ (18 มีนาคม) นางเสี่ย ซึ่งพื้นเพเป็นคนจีนจากมณฑลกวางตุ้ง กำลังรอข้ามถนนอยู่ดี ๆ ก็มีคนตะโกนว่า “คนจีน” ก่อนที่ชายคนนี้จะพุ่งเข้ามาต่อยหน้าเธอ อาม่าเสี่ย หยิบท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ ๆ แล้วต่อสู้กลับ  ภาพวิดีโอที่มีผู้บันทึกไว้ได้ กลายเป็นคลิปไวรัลออนไลน์อย่างรวดเร็ว และแสดงให้เห็นอาม่าที่ต้องใช้ถุงน้ำแข็ง ประคบใบหน้า ส่วนชายผิวขาวที่ก่อเหตุ บาดเจ็บนอนบนเปลพยาบาล ตำรวจนครซานฟรานซิสโกรายงานว่า ชายวัย 39 ปีคนนี้ถูกจับ และกำลังถูกสอบสวนฐานทำร้ายร่างกาย

 

จิตใจอาม่า...แสนบอบช้ำ

 

ลูกสาวของนางเสี่ย กล่าวว่า แม่ของเธอ “รู้สึกบอบช้ำทางจิตใจมาก” หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตาด้านขวาของอาม่าก็บาดเจ็บ “เธอกลัวมาก ตาของเธอยังมีเลือดออกอยู่เลย” ดง เหมย ลี่ ลูกสาวของ เสี่ย เสี่ยวเฉิน บอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น “ตาขวาของอาม่ายังมองอะไรไม่เห็นเลย”

อาม่าจาก ‘เหยื่อ’ สู่ ‘ผู้กล้า’ ชาวจีนเชิดชูหลังลุกขึ้นสู้กับชายผิวขาว

ส่วนหลานชายของอาม่า จอห์น เฉิน โพสต์บน GoFundMe ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเรี่ยไรเงินบริจาค เพื่อขอเงินบริจาคมารักษาตาของอาม่าเขาบอกว่า อาม่าบาดเจ็บหนัก “ตาดำของอาม่าอาการไม่ดีเลย ตาข้างหนึ่งเลือดไหลไม่หยุด ส่วนข้อมือของอาม่าก็บวม”เฉินบอกอีกว่า สภาพจิตใจอาม่าย่ำแย่มาก “เวลาพูดถึงเรื่องนี้ทีไร...อาม่าจะอารมณ์แย่มาก แล้วก็ร้องไห้” เฉินระบุในแถลงการณ์ว่า อาม่าเสี่ย หวังว่า “คนเอเชียน-อเมริกันรุ่นใหม่ จะยืนหยัดซึ่งกันและกัน และเพื่อผู้สูงอายุด้วย”

 

เหยียดเอเชียในสหรัฐฯ ทวีความรุนแรง

 

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กระแสอาชญากรรมและการทำร้ายคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเกิดเหตุ ‘ทำร้ายอาม่า’ ชายคนหนึ่งในรัฐจอร์เจีย ถูกตั้งข้อหากราดยิงสังหาร 8 ศพ ตามร้านนวดสปาหลายแห่ง ในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นหญิงเอเชีย 6 คน  แม้เหตุโจมตีดังกล่าว ยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นการกระทำพุ่งเป้าไปที่ชุมชนชาวเอเชียในสหรัฐฯ แต่ก็ทำให้คนเอเชีย คนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นคนจีน หรือชาติเอเชียอื่น ๆ ต่างหวาดกลัว


มรดกความเกลียดของทรัมป์


จุดเริ่มต้นของกระแสเหยียดเอเชีย มาจากวาทกรรมของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เชื้อโควิด-19 เป็น “ไวรัสจีน” เจ้า ลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การเหยียดคนจีนในสหรัฐฯ “กำลังเพิ่มสูงขึ้น” “การกระทำอันน่ารังเกียจนี้ เกิดจากการเหยียดเชื้อชาติที่ไร้ซึ่งเหตุผล ทำให้พวกเราโกรธเคืองและเศร้าใจมาก”


เรื่อง: ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล