TNN บทเรียนจาก 'ซาร่า' ตอกย้ำช่องโหว่ระบบจัดการสัตว์

TNN

Social Talk

บทเรียนจาก 'ซาร่า' ตอกย้ำช่องโหว่ระบบจัดการสัตว์

บทเรียนจาก 'ซาร่า' ตอกย้ำช่องโหว่ระบบจัดการสัตว์

โศกนาฏกรรมของ "ซาร่า" เป็นบทเรียนราคาแพงที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหลายประการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ในสังคมไทย เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่ออนาคตที่สัตว์ทุกชีวิตได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียมและมีชีวิตอย่างมีความสุข


ชีวิตของ "ซาร่า" สุนัขพันธุ์ไทยวัย 4 ขวบ ถูกปิดฉากลงอย่างเศร้าสลด หลังถูกเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางบาลจับกุมด้วยวิธีการที่ผิดพลาด ทิ้งร่องรอยบาดแผลในหัวใจของผู้รักสัตว์ทั่วประเทศ ที่ต้องสูญเสียลูกรักไปอย่างน่าเวทนา แม้อาจไม่สามารถเรียกคืนชีวิตที่สูญสิ้นไปแล้วได้ แต่บทเรียนราคาแพงนี้ ย่อมกลายเป็นพลังผลักดันให้สังคมไทยก้าวไปสู่ความเมตตาปราณีอย่างแท้จริง

บทเรียนจาก 'ซาร่า' ตอกย้ำช่องโหว่ระบบจัดการสัตว์



ความเป็นมาของเหตุการณ์


เหตุการณ์ที่สุนัขพันธุ์ไทยชื่อ "ซาร่า" วัย 4 ปี สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากถูกเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าจับตัวออกจากบ้านได้สร้างความวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยมีรายละเอียดดังนี้


เมื่อวันที่ 4 เมษายน คุณยายมาลี เจ้าของซาร่าได้ร้องขอให้หน่วยงานมารับตัวซาร่าไปดูแลชั่วคราว เนื่องจากซาร่ามีพฤติกรรมหวงของและกัดเจ้าของจนได้รับบาดเจ็บที่แขน คุณยายมาลีจึงกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้


วันที่ 6 เมษายน นายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมนตรีเทศบาลบางบาล พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปจับตัวซาร่าออกมาจากบ้าน โดยใช้วิธีการคล้องเชือกที่คอซาร่า


การสูญหายของซาร่า


หลังจากถูกจับตัวออกมาจากบ้านแล้ว ซาร่า ก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ซึ่งพยายามตามหาซาร่า แต่กลับไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อย ในขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งนั้นปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการสูญหายของซาร่า


การเปิดเผยความจริง


หลังจากเรื่องนี้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมนตรีจึงได้ออกมาเปิดเผยความจริงว่า เจ้าหน้าที่ 4 คนที่ทำหน้าที่จับตัวซาร่านั้น ได้รับสารภาพว่าซาร่าเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ถูกจับ เนื่องจากการจับด้วยวิธีการผิดวิธีนั่นเอง


โดยเจ้าหน้าที่เล่าว่า ระหว่างที่กำลังขนย้ายซาร่ามายังเทศบาล เชือกที่ใช้รัดขาหลุดหลวม จนต้องใช้วิธีการดึงเชือกตลอดเส้นทาง และเมื่อมาถึงเทศบาลแล้วพบว่าซาร่านิ่งไม่ขยับแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างของซาร่าไปทิ้งทำลาย และปิดบังเหตุการณ์นี้ไว้




การตาย "ซาร่า" สุนัขพันธุ์ไทยวัย 4 ปี ยกให้เป็นกรณีศึกษา จากการจับกุมผิดวิธีของเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สะท้อนถึงปัญหาหลายประการในการจัดการสัตว์จรจัดของหน่วยงานภาครัฐ เช่น การใช้วิธีการที่รุนแรงเกินไป โดยใช้เชือกคล้องคอซึ่งอาจทำให้สัตว์ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การขาดความรู้และทักษะที่เหมาะสมในการจับกุมสัตว์อย่างปลอดภัย และการขาดการควบคุมกำกับดูแลที่ดีจากผู้บริหาร จนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปกปิดการกระทำผิดพลาดได้


สังคมตื่นตัว: กรณี "ซาร่า" กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์


เหตุการณ์ของซาร่า ได้กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงในสังคมเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยมีมุมมองว่าเจ้าของสัตว์มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงของตนให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น หากไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงได้ ก็ควรที่จะหาวิธีการจัดการที่เหมาะสม


ในทางกลับกัน สังคมก็ควรมีกลไกการกำกับดูแลและบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับเจ้าของสัตว์ที่ไม่รับผิดชอบ เพื่อให้เกิดการจัดการอย่างถูกต้องและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก


กฎหมายคุ้มครองสัตว์ในประเทศไทยที่สำคัญคือ พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลี้ยงดู ขนส่ง และประกอบกิจการเกี่ยวกับสัตว์ รวมถึงกำหนดโทษทางอาญาต่อการทารุณสัตว์ อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวยังไม่เคร่งครัดนัก เนื่องจากปัญหาการขาดบุคลากร งบประมาณ และการบูรณาการความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง


เจ้าของสัตว์มีหน้าที่สำคัญในการดูแลเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือรำคาญต่อผู้อื่น หากไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของสัตว์ได้ ก็จำเป็นต้องหาวิธีการจัดการอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ เจ้าของสัตว์จะต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบที่พึงมีต่อสัตว์เลี้ยงของตน และไม่ควรละเลยหรือทอดทิ้งหน้าที่ดังกล่าว

บทเรียนจาก 'ซาร่า' ตอกย้ำช่องโหว่ระบบจัดการสัตว์


เพียงชีวิตสัตว์ไร้เดียงสาแต่บริสุทธิ์ใจ ก็สมควรได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียม


การป้องกันโศกนาฏกรรมซ้ำรอยเหมือนกรณีของ ซาร่า จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่นั่นเป็นเพียงหนึ่งในความพยายามในอนาคตที่ยังมีอุปสรรคขวางกั้น เราจำเป็นต้องเผชิญความจริงว่า แม้จะพัฒนาระบบการจัดการสัตว์ รณรงค์ให้ความรู้ สนับสนุนองค์กรด้านสัตว์ และพัฒนากฎหมายให้รัดกุมเพียงใด แต่หากยังไร้ซึ่งจิตสำนึกแห่งความเมตตาที่บริสุทธิ์จากมนุษย์แล้ว อนาคตของเหล่าเพื่อนร่วมโลกก็ยังมืดมิด


เพียงกฎหมายและระบบการจัดการในระดับประเทศอาจไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้อย่างถาวร เราต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ในหัวใจของทุกคน ปลูกฝังคุณค่าแห่งชีวิต สร้างจิตสำนึกรักสัตว์ และรังเกียจต่อความโหดร้าย ทุกหยาดน้ำตาของสัตว์ และเจ้าของที่สูญเสีย คือพลังผลักดันให้สังคมก้าวไปสู่โลกที่สงบสุข ปราศจากบาดแผลเจ็บปวดจากการละเมิดสิทธิชีวิตอีกต่อไป



กรณี "ซาร่า" หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ


การที่ซาร่าต้องจากไปอย่างน่าเวทนาเพราะถูกจับกุมโดยผิดวิธี แสดงให้เห็นถึงช่องว่างและปัญหาที่ยังคงดำรงอยู่ในการจัดการและคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ของหน่วยงานภาครัฐ


แม้จะมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์อย่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ฯ แต่การบังคับใช้กฎหมายก็ยังไม่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพเพียงพอ ขาดการบูรณาการความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการขาดแคลนบุคลากรและงบประมาณที่จำเป็น


หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทเรียนราคาแพงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดการสัตว์ของหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนการเสริมสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิและคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ให้แก่ประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สัตว์เป็นเพื่อนร่วมโลกที่สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเมตตาจากมนุษย์ ด้วยกันทุกชีวิต



สรุปบทเรียนจากซาร่า :


➤เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหลายประการในการจัดการสัตว์จรจัดของหน่วยงานภาครัฐ เช่น การใช้วิธีการที่รุนแรงเกินไป การขาดความรู้และทักษะที่เหมาะสมในการจับกุมสัตว์อย่างปลอดภัย และการขาดการควบคุมกำกับดูแลที่ดีจากผู้บริหาร

➤เหตุการณ์นี้ยังกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์เลี้ยง สังคมควรมีกลไกการกำกับดูแลและบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับเจ้าของสัตว์ที่ไม่รับผิดชอบ

➤กฎหมายคุ้มครองสัตว์ในประเทศไทยยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง จำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบการจัดการสัตว์ รณรงค์ให้ความรู้ สนับสนุนองค์กรด้านสัตว์ และพัฒนากฎหมายให้รัดกุม

➤สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ในหัวใจของทุกคน ปลูกฝังคุณค่าแห่งชีวิต สร้างจิตสำนึกรักสัตว์ และรังเกียจต่อความโหดร้าย


รวมสถานที่บริจาคช่วยเหลือสัตว์ในประเทศไทย

มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ทั่วไป:


มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์: https://www.facebook.com/home4animalsth/?locale=th_TH

มูลนิธิบ้านนกอินทรี: https://m.facebook.com/groups/NorTaiwanBMT/posts/7578870275475312/

มูลนิธิปวีณาหงส์สำหรับเด็กและสัตว์: https://www.facebook.com/pavenafoundation/?locale=th_TH

มูลนิธิร่วมสุขร่วมทุกข์สัตว์: https://m.facebook.com/groups/546901286293936/?locale=th_TH

มูลนิธิสหฉัทติเพื่อสัตว์: https://m.facebook.com/groups/2206533273001135/?locale=th_TH


มูลนิธิช่วยเหลือสุนัขและแมว:


บ้านพักสี่ขา ป้าจุ๊: https://sr-rs.facebook.com/jewpaetongabac/

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ประเทศไทย:

บ้านหมาจรจัดแม่กลอง: https://www.facebook.com/groups/212198342665443/

มูลนิธิบ้านรักแมว: https://www.facebook.com/cats.th/?locale=th_TH

มูลนิธิแมววัดสามจีน: https://www.facebook.com/ThaiLoveAnimal/


มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ป่า:


ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าอ่าวคุ้งกระบอง: https://m.facebook.com/groups/refk.animals/posts/6988340271210064/

ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าเขานางพันธุรัต: https://m.facebook.com/groups/289269805016572/posts/1419085285368346/

ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าบางพลี: https://m.facebook.com/petlovervolunteer/

กลุ่มพิทักษ์นก: https://th-th.facebook.com/public/%E0%B8%99%E0%B8%81-%E0%B8%99%E0%B8%81/

มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสัตว์ป่า: https://www.facebook.com/groups/277243016045712/