TNN เตือนฉ.5 ‘ไต้ฝุ่นราอี’ เข้าใกล้ชายฝั่งเวียดนามวันนี้-ฟิลิปปินส์เสียชีวิต 31 คน

TNN

สังคม

เตือนฉ.5 ‘ไต้ฝุ่นราอี’ เข้าใกล้ชายฝั่งเวียดนามวันนี้-ฟิลิปปินส์เสียชีวิต 31 คน

เตือนฉ.5 ‘ไต้ฝุ่นราอี’ เข้าใกล้ชายฝั่งเวียดนามวันนี้-ฟิลิปปินส์เสียชีวิต 31 คน

อุตุฯออกประกาศเตือนฉบับที่ 5 ไต้ฝุ่นราอี เตรียมเคลื่อนตัวใกล้ชายฝั่งเวียดนามตอนกลางก่อนไปเกาะไหหลำด้านฟิลิปปินส์รายงานยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คน

วันนี้ (19 ธ.ค. 2564) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนพายุไต้ฝุ่น “ราอี”" ฉบับที่ 5  เมื่อเวลา 04.00 น.  พายุไต้ฝุ่น “ราอี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด12.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.7 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนไปทางเกาะไหหลำ ประเทศจีน ในช่วงวันที่ 19 - 21 ธันวาคม 2564 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับในระยะถัดไป โดยพายุไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11.00 น.

ขณะที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของฟิลิปปินส์ รายงานว่า พายุไต้ฝุ่นราอี ที่พัดถล่มพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของฟิลิปปินส์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างน้อย 31 คน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะจังหวัดคาปูลูอังดีนากัต ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมิดาเนา เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยอาคารบ้านเรือน ร้อยละ 95 ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่ อีกหลายจังหวัดทางภาคกลาง ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถเข้าถึงกองทุนช่วยเหลือภัยพิบัติ และตรึงราคาสินค้าที่จำเป็น

ทั้งนี้ พายุไต้ฝุ่นราอี ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 15 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ ยังทำให้ประชาชน มากกว่า 3 แสนคน ต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว และหลายพื้นที่ยังคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้.

เตือนฉ.5 ‘ไต้ฝุ่นราอี’ เข้าใกล้ชายฝั่งเวียดนามวันนี้-ฟิลิปปินส์เสียชีวิต 31 คน


ข้อมูลจาก  กรมอุตุนิยมวิทยา

ภาพจาก :  AFP

ข่าวแนะนำ