”สมศักดิ์“สั่งพักราชการจนท.รพ.ทำร้ายผู้บำบัดเหล้าเสียชีวิต
”สมศักดิ์“แสดงความเสียใจ ปมเหตุ จนท.รพ.ทำร้ายผู้บำบัดเหล้าเสียชีวิต รับขาดทักษะ-เหตุบุคลากรไม่เพียงพอ สั่งเรียกตัว ผอ.-จนท. เข้าส่วนกลาง สอบข้อเท็จจริง เร่งจัดฝึกอบรมเพิ่มทักษะ หลังพบผู้ป่วตจิตเวชเพิ่มขึ้น ยันไม่ใช่ ”วัวหายล้อมคอก“
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของบุคคลผู้เสียชีวิตอย่างสุดซึ้ง จากกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ ทำร้ายร่างกายผู้บำบัดอาการขาดเหล้า ในฐานะที่เป็นผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และอีกส่วนหนึ่งในฐานะคนที่มีลูก มีความรู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่รุนแรง และเป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยได้เลย
สำหรับในแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขต้องบอกว่า จะยอมให้เรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ซึ่งตนได้วางแนวทางในการแก้ไข และสืบสวนกระบวนความว่า เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นจากอะไรและเราจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งต้องเรียนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากเรื่องโรค เกี่ยวกับจิตเวช ที่เกิดขึ้นเยอะ ในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องของติดเหล้าตัวเลขที่มีทั้งหมดในประเทศไทย ประมาณ 79,000 คน และในส่วนที่เข้าบำบัดรักษา 3,340 คน ในขณะนี้ที่ดำเนินการอยู่ โรคประเภทนี้ที่เกิดขึ้นมาอย่างมาก ส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาเราได้เพิ่มบุคลากรที่เข้ามาดูแล ผู้ป่วยในลักษณะนี้อย่างรวดเร็ว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ 2 คนดังกล่าว เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย หรือเป็นพนักงานผู้ช่วย เหลือคนไข้ ซึ่งขาดความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง เพราะเนื่องจากมีบุคลากรน้อย และจากการสืบสวนในเบื้องต้นแล้ว ทั้ง 2 คน เป็นพนักงานช่วยเหลือคนไข้ ซึ่งไม่มีทักษะในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในด้านนี้โดยตรง พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้มาแก้ตัวให้เจ้าหน้าที่ เพราะขณะนี้ได้ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว และสั่งการให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกันทรลักษ์ มาที่ส่วนกลาง โดยที่วันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.67) ที่กระทรวงสาธารณสุข สั่งให้ดำเนินการประชุม และจัดสัมมนา เพื่ออบรมให้ความรู้บุคลากร ทั้งผู้บริหาร และผู้ช่วยเหลือต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมรุนแรงโดยด่วน ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เวลา 08.30 น.
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ความรุนแรงเป็นการแสดงออก ถึงการขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ และคำว่าพฤติกรรมรุนแรง เริ่มต้นจากการใช้คำพูดเอาหัวโขกพื้น หรือรุนแรงต่อผู้อื่น เช่น การชกต่อยตบตีโดยใช้อาวุธต่าง ๆ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และรุนแรงต่อสิ่งของ เหล่านี้หากเราได้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานไปดำเนินการโดยที่ไม่มีความรู้ทักษะโดยตรงแล้วก็จะปฏิบัติไม่ถูก
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่า เป็นสิ่งที่เราไม่พร้อมด้วยบุคลากร ซึ่งในขณะนี้ต้องเรียนว่าบุคลากรในส่วนนี้ยังขาดแคลน แต่เราไม่สามารถที่จะไปเอ่ยอ้างว่าขาดแคลน หากเป็นเหตุการณ์นี้จะมีคนเสียชีวิตอีก เราจะอ้างอย่างนั้นไม่ได้
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน ได้ถูกสั่งให้พักราชการ เหมือนลักษณะให้ออกราชการ ส่วนพยาบาลอีก 2 คนได้สอบสวนข้อเท็จจริง และตัวผู้อำนวยการก็เรียกตัวเข้ามาส่วนกลาง เพื่อมาหารือ
ส่วนจะมีความผิดถึงขั้นอาญาหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า คงต้องพิจารณาสอบสวนในส่วนนี้ให้ครบถ้วนว่า อาญาหรืออะไรอย่างไร แต่ความผิดต้องมีแน่นอน เพราะเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องแต่เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้ตรวจราชการเขตไปดำเนินการประสานงานกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งให้ทำความเข้าใจกับประชาชน โดยผู้แทนราษฎรในฐานะเป็นฝ่ายของประชาชนอยู่แล้ว คงจะเป็นผู้ที่มาช่วยประชาชน เรียกร้องค่าเสียหายที่จะต้องเกิดขึ้น ทางโรงพยาบาล หรือกระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับผิดชอบให้เหมาะสมและเต็มที่
นายสมศักดิ์ ระบุว่า เรื่องการเรียกเข้ามาอบรม ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก เพราะเรื่องนี้จะต้องมีผู้ป่วยเข้ามารักษาบำบัดอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอย่างที่บอกบางคนไม่แสดงอาการ หรือมีพฤติกรรมที่เงียบ ทั้งนี้ขอให้น้ำหนัก เรื่องการขาดแคลนบุคลากร และเพิ่มบุคลากร อันนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เหตุเกิดโรคภัยไข้เจ็บลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก แต่กรมสุขภาพจิตที่ดำเนินการขาดแคลนบุคลากร
ข่าวแนะนำ