เปิดประวัติ 'ทนายตั้ม' จากทนายประชาชนสู่คดีร้อนแห่งปี
เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดังจากคดีน้องภัทร หวย 30 ล้าน สู่คดีร้อนฉ้อโกง 71 ล้าน! เส้นทางชีวิตจากเด็กกระทุ่มแบน สู่ทนายประชาชนผู้คร่ำหวอดในวงการกฎหมายไทย
ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" วัย 43 ปี เติบโตในครอบครัวค้าขายที่จังหวัดสมุทรสาคร แม้ในวัยเด็กจะไม่ได้สนใจการเรียน แต่ด้วยแรงผลักดันจากครอบครัวและความต้องการทำให้พ่อแม่ภูมิใจ จึงตั้งใจศึกษาจนจบมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ และมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเกิดขึ้นเมื่อได้รู้จักกับตำรวจที่อยู่ใกล้บ้าน จุดประกายความฝันอยากเป็นตำรวจ จึงเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยการอ่านหนังสือที่บ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้แม่ จนสำเร็จการศึกษาในเวลาเพียง 3 ปี ด้วยเกรดเฉลี่ย 3 กว่า
หลังจากนั้น ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนตำรวจให้เรียนนิติศาสตร์ควบคู่ไปด้วย จึงเทียบโอนและเรียนจนจบปริญญาตรีใบที่สองในเวลาอีกเพียง 1 ปีครึ่ง นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ใช้เวลารวมเพียง 4 ปีครึ่งในการจบการศึกษา 2 ปริญญา
ทนายตั้มเริ่มต้นอาชีพทนายความในปี 2547 หลังสอบผ่านใบอนุญาตว่าความในการสอบครั้งแรก และสอบเนติบัณฑิตได้ลำดับที่ 29 ของประเทศ เขาเริ่มฝึกงานกับสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งประมาณ 6 เดือน ก่อนตัดสินใจแยกตัวมาเปิดสำนักงานของตนเองโดยเลือกทำเลตรงข้ามสถานีตำรวจ
คดีแรกที่รับว่าความคือคดีผู้จัดการมรดก ซึ่งสำเร็จลุล่วงด้วยดี จากนั้นได้ทำงานทนายอาสาให้คำปรึกษาฟรี จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ทนายประชาชน" จากลูกความที่ประทับใจในการทำงาน
ในปี 2559 เขาได้ก่อตั้ง "มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม" โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทั้งกระทรวงยุติธรรมและกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อปลูกฝังความรู้ด้านกฎหมายให้แก่เยาวชน
คดีที่สร้างชื่อเสียงให้ทนายตั้มมีมากมาย แต่ที่โดดเด่นคือคดีหวย 30 ล้าน ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ กับครูปรีชา ซึ่งเขาสามารถค้นพบหลักฐานสำคัญจากการสืบสวนจนนำไปสู่การพิสูจน์ความจริงได้
ล่าสุดในปี 2567 ทนายตั้มเผชิญกับคดีความที่มีมูลค่า 71 ล้านบาท โดยนางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ "มาดามอ้อย" ได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน คดีนี้อยู่ในความดูแลของกองบังคับการปราบปราม โดย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ
ทั้งนี้ ทนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของมาดามอ้อย ยืนยันว่ามีหลักฐานการทำสัญญาและการโอนเงินที่ชัดเจน และจะดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยคดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ข่าวแนะนำ