TNN 9 จังหวัดยังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 7 หมื่นครัวเรือน

TNN

สังคม

9 จังหวัดยังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 7 หมื่นครัวเรือน

9 จังหวัดยังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 7 หมื่นครัวเรือน

ปภ. รายงาน 9 จังหวัดยังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนได้รับผลกระทบ 74,751 ครัวเรือน เร่งระดมทรัพยากรเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 


ทำให้ระหว่างวันที่ 16 ส.ค. - 13 ก.ย. 67 มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 27 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ระยอง ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวม 129 อำเภอ 586 ตำบล 3,119 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 132,534 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยและดินถล่ม รวม 34 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวม 24 ราย 


โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กันยายน 2567) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด รวม 30 อำเภอ 152 ตำบล 741 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 74,751 ครัวเรือน ดังนี้


1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เมืองฯ รวม 24 ตำบล 123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 45,329 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้ได้ร้บบาดเจ็บ 2 คน ระดับน้ำลดลง

2) เชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่อาย และ อ.ฝาง รวม 9 ตำบล 100 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,216 คน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน จากสาเหตุดินถล่ม ระดับน้ำลดลง

3) ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง รวม 11 ตำบล  31 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 720 คน ระดับน้ำลดลง

4) สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ รวม 3 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 361 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

5) พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมืองฯ รวม 7 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 576 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว 

6) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองไผ่ และ อ.ชนแดน รวม 5 ตำบล 13 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

7) เลย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ปากชม อ.เชียงคาน อ.ท่าลี่ และ อ.นาด้วง รวม 8 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 570 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

8) อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 3 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 346 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

9) พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 82 ตำบล 409 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,584 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว


สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่


ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถผลิตน้ำดื่ม เพื่อระบายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนและผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ


หากมีความจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่พื้นที่อื่น ได้กำชับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประสานเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ และเลือกใช้วิธีการที่ส่งผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมกันนี้ ยังได้สนับสนุนถุงยังชีพรวมแล้วกว่า 10,000 ชุด แจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น


ในส่วนของการเสริมกำลังดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดเชียงราย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) สนธิกำลังร่วมส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 1 ลำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำ ฮ.ปภ.32 "The Guardian Team" สนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวดเชียงราย ประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว รถบรรทุกเล็ก เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เสื้อชูชีพ และถุงยังชีพ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 


นอกจากนี้ ปภ. ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ยานพาหนะ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตใกล้เคียงและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตภาคอื่นที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบไปด้วย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี เขต 2 สุพรรรณบุรี เขต 3 ปราจีนบุรี เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 16 ชัยนาท และ เขต 17 จันทบุรี โดยในขณะนี้ทีมปฏิบัติการ ปภ. ส่วนใหญ่ได้เดินทางถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ซึ่งเป็นจุดระดมทรัพยากร (staging area) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป 


ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงภัยที่แม้ปัจจุบันยังไม่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทันทีที่มีแนวโน้มเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ รวมถึงจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น


ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรายงานคาดการณ์สาธารณภัยและประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และหากได้รับความเดือดร้อนจาก  สาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง


ภาพจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ข่าวแนะนำ