คมนาคมเผย สงกรานต์ 4 วัน อุบัติเหตุสะสม 917 ครั้ง ‘กทม.’ ครองแชมป์
คมนาคมเผย เผยเทศกาลสงกรานต์ 4 วัน เกิดอุบัติเหตุสะสมบนท้องถนน 917 ครั้ง กรุงเทพฯ ครองแชมป์
วันนี้ (15 เม.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เผยสถิติอุบัติเหตุบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคมในวันที่ 14 เม.ย.67 เกิดอุบัติเหตุจำนวน 181 ครั้ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.11% และลดลง 21.64% จากเมื่อวันที่ 13 เม.ย.67 โดยมีผู้บาดเจ็บ 208 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.17% และลดลง 21.80% จากเมื่อวันที่ 13 เม.ย.67 และมีผู้เสียชีวิต 208 ราย ลดลง 36.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 32.35% จากวันที่ 13 เม.ย.67 ซึ่งภาพรวมเกิดการสูญเสียลดลงอย่างต่อเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดของทุกหน่วยงาน เพื่อต้องการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงมุ่งหวังให้การเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเสียชีวิตลดลง
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่มาจากบนถนน ประเภทรถจักรยานยนต์ ถัดมาเป็นรถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ โดยขับขี่ยานพาหนะไม่เคารพกฎหมายจราจรและขับขี่เร็วเกินกฎหมายกำหนด ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสีย
ขณะที่สถิติอุบัติเหตุสะสม 4 วัน (11-14 เม.ย.67) เกิดเหตุรวม 917 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 119 ราย ผู้บาดเจ็บ 996 ราย มูลเหตุสันนิษฐานสูงสุด คือ ขับรถเร็วเกินอัตรากำหนด 552 ครั้ง คิดเป็น 60% ยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ 497 ครั้ง บริเวณที่เกิดเหตุสูงสุด คือ ทางตรง 657 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 72% จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ นครราชสีมา 8 คน จังหวัดที่เกิดเหตุสูงสุด คือ กรุงเทพฯ 45 ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 4% ผู้เสียชีวิตลดลง 4% และผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 4% ส่วนโครงข่ายทางรางเกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต โครงข่ายทางน้ำ และทางอากาศไม่มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุ
คาดการณ์ว่าประชาชนจะทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ ซึ่งได้ย้ำทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ยังคงคุมเข้มมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง และเตรียมพร้อมระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถโดยสาร รถไฟ เรือ และเครื่องบิน ต้องมีเพียงพอกับปริมาณผู้โดยสาร และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา และไม่ทิ้งผู้โดยสาร
พร้อมทั้งกำชับให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท สำรวจไฟฟ้าแสงสว่าง และไฟสัญญาณจราจรให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดให้บริการประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางในช่วงขากลับให้เกิดความคล่องตัว
ข้อมูลจาก: ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสระบุรี
ภาพจาก: : ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสระบุรี
ข่าวแนะนำ