‘กัลปังหา’ โผล่พ้นน้ำเกาะสุกร กรมทรัพยากรฯ วอนนทท. อย่าเข้าใกล้
กัลปังหาสีแดงโผล่พ้นน้ำทะเลที่เกาะสุกร นทท. ตื่นตาด้าน กรมทรัพยากรทางทะเลฯ วอนอย่าเข้าใกล้ เพราะเป็นการรบกวนสัตว์ทะเล
วันนี้ ( 17 มี.ค. 67 )หลังมีการแชร์ภาพกัลปังหาสีแดงโผล่พ้นน้ำทะเลที่เกาะสุกร จังหวัดตรัง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว เดินทางไปชมความสวยงาม ล่าสุดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ออกมาเตือนไม่ควรเข้าใกล้ เพราะจะการรบกวน ทำลายกัลปังหาสีแดงได้
ทั้งนี้ ‘กัลปังหาแดง หรือ Sea Fan’ ถูกพบบริเวณบริเวณหน้าหาดทรายทอง ตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ที่โผล่พ้นน้ำห่างจากฝั่งประมาณ 400 - 500 เมตร นับเป็นกัลปังหาแดงกลุ่มเดียวในจังหวัดตรังที่อยู่ในเขตน้ำตื้น
นายณัฐพัฒน์ พรหมเพชร ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทรายทองบีชรีสอร์ท ระบุว่า ในช่วงหน้าแล้งของทุกปีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน โดยเฉพาะช่วงข้างแรม 1 - 3 ค่ำ ซึ่งน้ำทะเลลดลงต่ำสุด จะพบกัลปังหาแดงโผล่พ้นน้ำมากที่สุด สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก
จากการสืบค้นข้อมูลพบว่ากัลปังหาสีแดงจุดนี้ น่าจะเป็นกองเดียวที่เห็นอยู่ในจังหวัดตรัง หรือกองเดียวในภาคใต้ โดยปกติแล้วกัลปังหาสีแดงจะอยู่ในระดับน้ำลึก 3 - 10 เมตร แต่กองนี้พบในระดับน้ำแค่หัวเข่า ไม่ต้องเสียค่าเรือออกไปดำน้ำ แค่เดินมา 400-500 เมตรก็ชมได้แล้ว ถือว่าเป็นอันซีนของเกาะสุกร
ด้าน เพจเฟซบุ๊ก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยข้อมูลว่า กัลปังหา คือสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ละตัวมีขนาดเล็กมาก จัดอยู่ในพวกเดียวกับปะการัง ชอบอาศัยอยู่ตามที่มีกระแสน้ำไหล เนื่องจากกระแสน้ำจะช่วยพัดพาอาหารมาให้และจะช่วยพัดพาของเสียที่ถูกปล่อยออกจากกัลปังหาออกไป โดยกัลปังหาจะใช้หนวดในการดักจับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาเป็นอาหาร ส่วนเข็มพิษที่หนวดจะช่วยในการจับพวกแพลงก์ตอน
ดังนั้น การรบกวนกัลปังหาและแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น การสัมผัส การเหยียบย่ำ การทำให้เกิดการฟุ้งของตะกอน จะเป็นการรบกวนการหาอาหารและการดำรงชีวิตของกัลปังหาได้ อีกทั้งกัลปังหาเจริญเติบโตค่อนข้างช้า อาจจะใช้เวลาเป็นร้อยปีในการเติบโตเพียงแค่ 1 ฟุต และในหนึ่งต้นนั้นมีตัวกะละปังหาอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการทำลายกัลปังหาหนึ่งต้นเท่ากับทำลายตัวกัลปังหาหลายหมื่นหลายแสนตัว และทำลายระบบนิเวศทางทะเล
นอกจากนี้กัลปังหายังเป็นสัตว์คุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ห้ามมิให้ผู้ใดจะมีไว้ในครอบครอง ทำการค้าขาย หรือนำเขา-ส่งออกโดยเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงห้ามครอบครอบ เว้นแต่จะใด้รับอนุญาต
ข้อมูลจาก: ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดตรัง
ภาพจาก: ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดตรัง
ข่าวแนะนำ