TNN กทม. เตรียมมาตรการรับมืออากาศร้อน สั่งทุกเขตประเมินจุดเสี่ยง

TNN

สังคม

กทม. เตรียมมาตรการรับมืออากาศร้อน สั่งทุกเขตประเมินจุดเสี่ยง

กทม. เตรียมมาตรการรับมืออากาศร้อน สั่งทุกเขตประเมินจุดเสี่ยง

กทม. ห่วงอากาศร้อน เตรียมมาตรการรองรับ สั่งทุกเขตประเมินจุดเสี่ยง คาดปีนี้อุณหภูมิสูงกว่าปกติ 1 - 2 องศาฯ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า มีความกังวลมากเรื่องอุณหภูมิสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก โดยตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าปกติ 1-2 องศา ซึ่งเกี่ยวกับปรากฏการเอลนีโญ คาดการณ์ว่าปีนี้อากาศจะค่อนข้างร้อน


สำหรับมาตรการการดำเนินการเรื่องอากาศร้อน จะคล้ายกับมาตรการป้องกันฝุ่น PM 2.5 มีเรื่องของการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนประชาชน การป้องกันสุขภาพ มาตรการลดอุณหภูมิเมือง ซึ่งเป็นมาตรการระยะยาว โดยในที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ได้การสั่งให้สำนักงานเขตทุกเขต ทำการประเมินจุดเสี่ยงในพื้นที่ของตัวเอง ทั้งชุมชน โรงเรียน ไซต์ก่อสร้าง สวนสาธารณะ และเน้นประชาสัมพันธ์สำหรับคนที่แข็งแรง เพราะถ้ามองว่าผู้สูงอายุ หรือ กลุ่มเสี่ยงเป็นผู้ที่จะได้รับผลกระทบ คนแข็งแรงอย่างคนที่ออกกำลังกายในสวน แรงงานก่อสร้าง หรือเกษตรกร ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน


ส่วนในโรงเรียนก็มีการจัดอบรม เพื่อที่จะได้ทราบแนวทางในช่วงที่นักเรียนจะปิดเทอมว่า อยู่บ้านควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร สำหรับเจ้าหน้าที่กทม. ก็ควรมีมาตรการในการตระหนักเรื่องนี้ ซึ่งสำนักสิ่งแวดล้อม ได้ปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานของพนักงานที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เพื่อที่จะเว้นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวัน


ขณะเดียวกัน กทม. ได้ดำเนินการลดอุณหภูมิเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปลูกต้นไม้ล้านต้น  หรือ มาตรการทางผังเมืองที่ส่งเสริมพื้นที่สีเขียว


ทั้งนี้ เน้นย้ำในเรื่องของการให้ความรู้ประชาชนเพิ่มเติมว่า อุณหภูมิไม่ใช่ตัวสำคัญเพียงอย่างเดียวในการเกิดฮีทสโตรก แต่เป็นเรื่องของ Heat Index เพราะว่าจะมีเรื่องความชื้นด้วย ถ้าอุณหภูมิสูง และความชื้นสูงจะยิ่งหนัก หรือเหงื่อไม่ระเหยทำให้เหมือนกับว่าเราเสียน้ำแต่ว่าอุณหภูมิร่างกายไม่ลดลง ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนให้แต่ละโรงเรียนขึ้นป้าย Heat Index ที่แสดงทั้งอุณหภูมิและเรื่องความชื้นว่าอันตรายหรือไม่ เด็กจะได้ระวังระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น


ภาพจาก:  AFP 

ข่าวแนะนำ