กองทุนประกันสังคม รัฐบาลเปิดข้อมูลสถานะล่าสุด เสี่ยงล้มละลายจริงหรือไม่?
กองทุนประกันสังคม รัฐบาลเปิดข้อมูลสถานะล่าสุด เหลือเงินสะสมทั้งหมดเท่าไร? เสี่ยงล้มละลายจริงหรือไม่
วันนี้ (2 ส.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวปลอมแพร่ระบาดในช่วงเวลานี้ เกี่ยวกับ “กองทุนประกันสังคม” โดยอ้างว่ากองทุนดังกล่าวเสี่ยงล้มละลายภายใน 30 ปี เนื่องจากค้างจ่าย 7 หมื่นล้านบาทนั้น
กรณีนี้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง กองทุนประกันสังคม มีเสถียรภาพมั่นคง สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง และเพียงพอ ทั้งยังมีการบริหารสภาพคล่องโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการถือครองหลักทรัพย์ในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่กองทุน ซึ่งปัจจุบัน กองทุนประกันสังคม มีเงินสะสม 2.3 ล้านล้านบาท และสถานะของกองทุนมีเม็ดเงินที่เพียงพอสำหรับการจ่ายสิทธิประโยชน์ในทุกกรณี ไม่ได้เสี่ยงล้มละลายหรือค้างจ่ายแต่อย่างใด
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังให้ความสำคัญและห่วงใยผู้ประกันตนสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการ ใช้เงินกองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์ ตอบสนองผู้ประกันตน ทั้งยังได้ปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน
โดยมติครม.วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ได้อนุมัติร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน 3 รูปแบบ ‘ขอเลือก ขอคืน และขอกู้’
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่นๆ เช่นเพิ่มเงินทดแทนกรณีขาดรายได้จากการทุพพลภาพ เพิ่มการจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร และขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้าง จากเดิมอายุ 60 ปีบริบูรณ์ เป็น 65 ปีบริบูรณ์ เพื่อพัฒนาระบบประกันสังคมให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ตอบโจทย์ของทุกกลุ่ม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนให้ดีขึ้น
ข้อมูลจาก : ทำเนียบรัฐบาล
ภาพจาก : AFP