ฝุ่น PM 2.5 เชียงรายวิกฤต! สูงกว่าค่ามาตรฐาน WHO ถึง 32 เท่า
ฝุ่น PM 2.5 เชียงรายวิกฤตหนัก! สูงกว่าค่ามาตรฐาน WHO ถึง 32 เท่า ด้าน 11 จังหวัดเหนือ-อีสาน อ่วมไม่แพ้กัน
วันนี้(27 มี.ค. 66) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงถึง 480 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานของประเทศไทย 9 เท่า และคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 32 เท่า รวมทั้งภาคเหนือ อีสาน ค่าฝุ่นอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ วอนประชาชนในพื้นที่หยุดเผา และงดการทำกิจกรรมนอกบ้าน พร้อมสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองชนาดเล็ก เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 66 เวลา 11.00 น. พบค่าฝุ่น PM 2.5 สูงถึง 480 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของประเทศไทย 9 เท่า และสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 32 เท่า
นอกจากนี้ ยังพบอีก 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน บึงกาฬ หนองคาย นครพนม ยังมีค่าฝุ่นอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มากกว่า 91 มคก./ลบ.ม.)
ในสัปดาห์นี้ พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีแนวโน้มการสะสมฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากลมนิ่ง รวมทั้งการเผาทั้งในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพบจุดความร้อนสะสมในเดือนมี.ค. สูงถึง 25,209 จุด ส่งผลให้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ระดับค่าฝุ่นละอองดังกล่าว ส่งผลให้มีอาการต่างๆ เช่น แสบตา คันตา ตาแดง ระคายเคืองผิวหนัง ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ส่วนผู้ที่มีโรคหัวใจและระบบทางเดินหายใจ จะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น และหากได้รับในปริมาณมากในระยะยาว ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย เข้าไปทำลายระบบต่างๆ ในเซลล์ของปอด ทำให้เกิดโรคทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็งในระยะยาว
สำหรับข้อมูลจากการเฝ้าระวังอาการตนเองของประชาชน ผ่านระบบ 4Health PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือช่วงเดือนมี.ค. 66 พบว่า ประชาชนมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสฝุ่นถึง 73.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนม.ค.-ก.พ. 66 โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 5-14 ปี และผู้สูงอายุ
กรมอนามัย จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง และดูแลสุขภาพตนเอง ดังนี้
1. ลดระยะเวลาหรืองดการออกนอกอาคารโดยไม่จำเป็น หากออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
2. งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจ
3. อยู่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด หากทำห้องปลอดฝุ่นได้ ให้อยู่ในห้องปลอดฝุ่น
4. ดูแลสุขภาพเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว สังเกตอาการ หากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ให้รีบไปพบแพทย์
5. งดการเผา และช่วยสอดส่อง ป้องกันไม่ให้มีการเผาในชุมชน
ข้อมูลจาก : กรมอนามัย
ภาพจาก : ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดเชียงราย