"จุดความร้อน" ไทยพุ่ง 1,432 จุด เปิดรายชื่อจังหวัดที่พบมากสุด
GISTDA เผยวานนี้ 21 มีนาคม 2566 "จุดความร้อน" ไทยพุ่งสูงถึง 1,432 จุด เปิดรายชื่อจังหวัดของไทยพบมากที่สุด
GISTDA เผยวานนี้ 21 มีนาคม 2566 "จุดความร้อน" พุ่งสูงถึง 1,432 จุด เปิดรายชื่อจังหวัดของไทยพบมากที่สุด
GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จุดความร้อนของไทยวานนี้พุ่ง..!! สูงถึง 1,432 จุด พบมากในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่วน PM2.5 ส่งผลต่อสุขภาพในหลายพื้นที่
GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 21 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 1,432 จุด ในขณะที่ประเทศลาวจุดความร้อนยังคงนำอยู่ที่ 3,709 จุด ตามด้วยสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 2,295 จุด กัมพูชา 1,120 จุด เวียดนาม 1,077 จุด และมาเลเซีย 13 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 525 จุด,
พื้นป่าสงวนแห่งชาติ 425 จุด, พื้นที่เกษตร 234 จุด, พื้นที่เขต สปก. 138 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 103 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด
ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ แม่ฮ่องสอน 312 จุด น่าน 121 จุด และกาญจนบุรี 79 จุด
ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 11:00 น. ที่ผ่านมา พบค่าฝุ่นเกินมาตราฐานในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน โดยเฉพาะ #เชียงราย #เชียงใหม่ #พะเยา #แม่ฮ่องสอน #ลำพูน ลำปาง นครนายก ตาก เลย น่าน หนองคาย เป็นต้น ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ในระดับดี
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น"
ข้อมูลจาก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
ภาพจาก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)