“เครื่องฟอกอากาศ” เลือกแบบไหนดี? รับมือ ฝุ่น PM2.5 ครองเมือง
เปิด 5 เทคนิคเลือก “เครื่องฟอกอากาศ” แบบไหนดี? ให้ประสิทธิภาพสูงสุด รับมือฝุ่น PM2.5 ครองเมือง
เป็นไอเท็มที่คนไทยโหยหากันอีกครั้งสำหรับ “เครื่องฟอกอากาศ” เนื่องจากเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหา ฝุ่น PM2.5 โดยวันนี้ ( 2 ก.พ. 66 ) เมื่อ เวลา 15.00 น. เว็บไซต์ IQAir รายงานการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงสุด (AQI) กรุงเทพมหานคร อยู่ที่อันดับ 7 ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 165 AQI และ จังหวัดเชียงใหม่ ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 161 AQI รั้งอันดับ 10 ของโลก
เครื่องฟอกอากาศ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาที่อากาศเป็นพิษ เรามาดูกันว่าเราจะมีเทคนิคในการเลือกอย่างไรบ้าง ให้ได้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด ซึ่ง อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เคยให้ข้อแนะนำในการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศไว้ดังนี้
1.พิจารณาขนาดของห้อง ว่าเครื่องที่เราจะซื้อมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศพอเพียงกับห้องของเราหรือไม่ เช่น ถ้าห้องขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องซื้อเครื่องตัวใหญ่ เพราะถ้าใช้เครื่องตัวเล็กไป มันก็จะทำงานหนักและไม่สามารถลดฝุ่นลงถึงระดับที่ปลอดภัยได้ ในทางกลับกัน ถ้าห้องเล็ก แต่ซื้อเครื่องใหญ่ ก็จะทำให้เปลืองไฟ
2.ดูชนิดของแผ่นกรองที่ให้มากับเครื่อง ว่ามีความละเอียดเพียงพอจะกรองฝุ่น PM2.5 หรือไม่ โดยแผ่นกรองระดับที่เหมาะสมที่สุดนั้นเรียกว่า เฮปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA filter) จะดักจับฝุ่นละเอียดได้ในปริมาณมาก ในราคาที่ไม่แพงเกินไป
ขณะที่บางยี่ห้อ อาจจะเป็นแผ่นกรองที่ความละเอียดต่ำกว่า อย่างระดับ EPA (เช่น รุ่น E10 E11 E12 ซึ่งไม่ดีเท่ากับเฮปป้า H13 H14) เพราะมีราคาถูกกว่าสามารถใช้การได้ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าในการกำจัดฝุ่นจากในห้องนั้น เมื่อเทียบกับแผ่นกรองระดับเฮปป้า
ภาพจาก : TNN ONLINE
3. สำรวจเสปกของเครื่อง โดยดู 2 ค่า คือ ค่าแอร์โฟลว์ airflow หรือค่าปริมาณอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและปล่อยออกมาจากเครื่อง ถ้ามีค่าแอร์โฟลว์สูง หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศนั้น มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว และค่า CADR ( Clean Air Delivery Rate) หรือค่าอัตราการให้อากาศที่สะอาดแล้วออกมาในหนึ่งหน่วยเวลา ยิ่งมีค่า CADR สูง เครื่องฟอกอากาศนั้นก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงด้วย
4. สำรวจว่า เครื่องฟอกอากาศ ทำงานเสียงดังแค่ไหน ยิ่งถ้าจะติดตั้งในห้องนอน ก็ควรเลือกเครื่องที่มีโหมดกลางคืน ที่ให้เสียงเงียบเป็นพิเศษ หรืออย่างน้อย ระดับเสียงที่เหมาะสมก็ไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล
5. สำรวจว่า เครื่องฟอกอากาศ ประหยัดไฟแค่ไหน ราคาแผ่นกรองนั้นสูงหรือไม่ เพราะต้องมีการเปลี่ยนหลังจากใช้งานไปสักระยะ มีฟังค์ชั่นอื่นๆ ช่วย เช่น มีตัวตรวจวัดปริมาณฝุ่น พวกลูกเล่นเรื่องตั้งเวลาเปิดปิด เวลารับประกัน ด้วยหรือไม่
ข้อมูลจาก : อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
ภาพจาก : TNN ONLINE